สวอนซี ซิตี้
( Swansea City )
website : https://www.swanseacity.com/
No. | Name | Type | Join | Out |
---|---|---|---|---|
7 | โจ อัลเลน | ผู้เล่น | 2022-07-08 | - |
26 | ไคล์ นอห์ตัน | ผู้เล่น | 2015-01-22 | - |
12 | เจมี่ เพเตอร์สัน | ผู้เล่น | 2021-08-06 | - |
4 | เจย์ ฟูลตัน | ผู้เล่น | 2014-01-31 | - |
3 | ไรอัน แมนนิ่ง | ผู้เล่น | 2020-10-16 | - |
8 | แม็ตต์ กริมส์ | ผู้เล่น | 2015-01-03 | - |
10 | โอลิเวียร์ เอ็นท์แชม | ผู้เล่น | - | - |
28 | เลียม วอลช์ | ผู้เล่น | 2021-07-08 | - |
1 | แอนดี ฟิชเชอร์ | ผู้เล่น | 2022-01-11 | - |
17 | โจแอล ปิรู
| ผู้เล่น | 2021-07-02 | - |
6 | แฮร์รี ดาร์ลิง | ผู้เล่น | 2022-07-01 | - |
9828 | แบรนดอน คูเปอร์ | ผู้เล่น | 2020-08-01 | - |
8191 | ไมเคิล โอบาเฟมี่ | ผู้เล่น | 2021-08-31 | - |
22 | โจเอล ลาตีโบดีแยร์ | ผู้เล่น | 2020-10-16 | - |
20 | Liam Cullen | ผู้เล่น | 2020-01-01 | - |
13 | Steven-Andreas Benda | ผู้เล่น | - | - |
5 | เบนจามิน คาบังโก | ผู้เล่น | 2019-07-01 | - |
8677 | Nathanael Ogbeta | ผู้เล่น | 2022-01-31 | - |
23 | นาธาน วูด | ผู้เล่น | 2022-07-01 | - |
31 | Oliver Cooper | ผู้เล่น | - | - |
- | Andreas Soendergaard | ผู้เล่น | 2023-02-17 | - |
18 | ลุค คันเดิ้ล | ผู้เล่น | 2022-08-29 | 2023-05-31 |
21 | Armstrong Oko-Flex | ผู้เล่น | 2022-08-30 | 2023-05-31 |
29 | แมทธิวโซริโนลา | ผู้เล่น | 2022-07-01 | 2023-05-31 |
11 | มอร์แกน วิตเทกเกอร์ | ผู้เล่น | 2021-02-01 | - |
- | รัสเซลล์ มาร์ติน | โค้ช | 2021-08-01 | - |
45 | Cameron Congreve | ผู้เล่น | - | - |
8653 | Kyle Joseph | ผู้เล่น | 2021-07-01 | - |
- | Lewis Webb | ผู้เล่น | - | - |
Tournament | Join | Out |
---|---|---|
Championship | 2022-07-29 | 2023-05-08 |
EFL Cup | 2022-08-01 | 2023-02-26 |
FA Cup | 2022-11-03 | 2023-06-03 |
ประวัติ : สวอนซี ซิตี้
ขุดประวัติทีมฟุตบอล สวอนซี ซิตี้ เจ้าของฉายา หงส์ขาวแห่งเวลส์ ย้อนรอยประวัติศาสตร์ของสโมสรฟุตบอลที่มาจากประเทศเวลส์แต่พวกเขาก็ได้สิทธิ์ในการลงเล่นกับเวทีลูกหนังเมืองผู้ดี ย้อนกลับไปในปี คศ. 1912 เริ่มมีการก่อตั้งทีมฟุตบอล สวอนซี ทาวน์ ขึ้นมาซึ่งเป็นชื่อดังเดิมของสโมสร สวอนซี ซิตี้ พวกเขาก่อหลักปักฐานอยู่ในเมืองสวอนซี ประเทศเวลส์ ปัจจุบันยังคงโล้ดแล่นอยู่ในระหว่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และ เดอะแชมป์เปี้ยนชิพ อังกฤษ แต่ส่วนใหญ่จะใช้เวลาอยู่ใน แชมป์เปี้ยนชิพ สะมากกว่า โดยในประวัติศาสตร์ของสโมสรบันทึกไว้ว่าพวกเขาเปลี่ยนมาใช้ชื่อเป็น สวอนซี ซิตี้ ในช่วงปี 1969 เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของเมืองสวอนซีและให้สมกับฐานะเมืองใหญ่ของเวลส์ จนนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพวกเขาก็ใช้ชื่อนี้มาโดยตลอด และบ้านเก่าของพวกเขาหลังแรกคือสนาม เวตซ์ฟีลด์ ที่ใช้มาอย่างยาวนานตั้งแต่เข้าวงการลูกหนังและหลังจากปี 2005 พวกเขาจึงได้หันมาใช้สนามใหม่ที่มีชื่อว่า ลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยม ซึ่งเดิมทีสนามแห่งนี้ก็ไม่ได้ใช้ชื่อนี้มาก่อน แต่ชื่อเดิมของสนามแห่งนี้คือสนาม ไวท์ ร็อค เป็นสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองสวอนซี โดยสามารถจุคนเข้าชมเกมการแข่งขันได้มากอยู่ที่ราวๆ 20,750 ที่นั่ง แต่ในปัจจุบันพวกเขาไม่ได้เป็นเจ้าของสนามแห่งนี้เพียงทีมเดียวแต่เป็นการแบ่งสนามใช้ร่วมกันกับทีมรักบี้ชื่อดังของประเทศดเวลส์ อย่าง “ออสปรีส์รักบี้ ยูเนี่ยน คลับ” เส้นทางของการก้าวขึ้นมาเป็นทีมฟุตบอลระดับอาชีพของสวอนซี มีมาตั้งแต่ช่วงปี 1921 โดยได้รับคัดเลือกให้เริ่มลงเล่นในเกมฟุตบอลลีกในระดับ ดิวิชั่น 2 ของประเทศอังกฤษ และพวกเขาก็ใช้เวลาอันยาวนานกับการลงเล่นอยู่ในดิวิชั่น 2 จนสามารถพาทีมตีตั๋วเลื่อนชั้นขึ้นสู่ดิวิชั่นสูงสุดของอังกฤษได้ในปี 1981-82 ซึ่งถือว่าเป็นยุคทองของพวกเขาเลยก็ว่าได้เมื่อการเลื่อนชั้นขึ้นไปก็ทำให้เหล่าคอบอลอังกฤษก็เริ่มที่จะรู้จักทีมของพวกเขามากยิ่งขึ้น
โดยผลงานในการเลื่อนชั้นขึ้นมาในครั้งนี้ต้องยกเครดิตไปที่ จอห์น โตแซ็ค สุดยอดกุนซือที่สามารถยกระดับการเล่นของ สวอนซี ให้ทะยานขึ้นสู่เวทีสูงสุดของเมืองผู้ดีได้ แต่ด้วยความที่พวกเขายังคงเป็นน้องใหม่ในลีกใหญ่ที่มีการแข่งขันสูงเป็นธรรมดาที่ผลงานของพวกเขาจะต้องทำออกมาได้ไม่ดีแน่ๆแต่กลับกลายเป็นในช่วงฤดูกาลแรกพวกเขากับโชว์ฟอร์มออกมาอย่างยอดเยี่ยมสามารถรั้งอันดับที่ 6 ของตารางคะแนนซึ่งมีแต้มตามหลังยักษ์ใหญ่ในลอนดอนอย่าง อาร์เซน่อล อยู่เพียงแค่ 2 คะแนนเท่านั้น พร้อมกับการได้โควต้าผ่านเข้าไปลุยฟุตบอลยุโรปในฤดูกาลหน้า เป็นประวัติศาสตร์การสร้างผลงานที่ดีที่สุดของสวอนซีในดิวิชั่นสูงสุดของประเทศ ต่อมาหลังจากที่ได้รับโคว้ต้าไปลุยบอลถ้วยยุโรป ผลงานของพวกเขาทำออกมาไม่ได้ดีเท่าไหร่จนตกรอบไปตั้งแต่เนิ้นๆพร้อมกับการตกชั้นในปีเดียวกัน เมือผลงานของพวกเขาดร็อปลงอย่างหน้าใจหายทำให้พวกเขาต้องลงไปเก็บเลเวลอยู่ใน ดิวิชั่น 2 หลังสิ้นฤดูกาล 1982-83 เหตุการณ์หลังจากการตกชั้นลงไปของ สวอนซี ครั้งนี้ทำให้พวกเขาต้องเจอกับมรสุมต่างๆเข้ามามากมายจนถึงขั้นพวกเขาเกือบต้องตกชั้นลงไปลงเล่นอยู่ในลีกระดับทีมสมัครเล่นอย่าง เนชั่นลีก ซึ่งผลงานในช่วงปี 2003-2004 เป็นปีที่ย่ำแย่ที่สุดของขุนพล หงส์ขาว พวกเขาต้องดิ้นรนหนีตายเพื่อให้รอดต่อการตกชั้นลงไปในลีกระดับสมัครเล่น โดยพวกเขาก็รอดตายมาได้อย่างหวุดหวิดโดยที่มีแต้มติดมือเหนือโซนตกชั้นอยู่เพียงแค่ 1 แต้มเท่านั้น ระหว่างการดิ้นรนอยู่ใน ดิวิชั่น 2,3 และ 4 พวกเขายังคงมีผลงานที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ และไม่เคยประสบความสำเร็จในรายการโทรฟี่ของประเทศได้เลย แต่ก็อยู่บนเส้นทางของเกมลีกมาตลอดโดยที่ไม่มีข่าวคราวว่าทีมของพวกเขาจะล้มละลายเนื่องจากเป็นทีมฟุตบอลที่ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมายการบริหารก็ไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนอะไรทำให้ สวอนซี เป็นทีมฟุตบอลที่อยู่เคียงคู่กับแฟนบอลอังกฤษมาอย่างยาวนานอีกหนึ่งทีม
โดยเดิมที โลโก้ของ สวอนซี ปกติพวกเขาจะใช้เป็นสัญลักษณ์หงส์ซึ่งเป็นตัวแทนของเมืองมาตลอดจนถึงปี 1970 ก็ได้เริ่มมีแนวคิดการออกแบบโลโก้ใหม่มาเป็นรูปหงส์กลางปีกอยู่บนปราสาทของ อองรี เดอ โบมงต์ สถานที่เก่าแก่ประจำเมืองสวอนซี ต่อมาในปี 1998 พวกเขาก็ได้ตัดสินใจสถาปนาตราสโมสรใหม่อีกครั้งเพื่อให้สอดคล้องกับการออกแบบสมัยใหม่ซึ่งจะเน้นใช้ไปทางงานเส้นเชิงศิลป์เป็นหลักและเปลี่ยนสัญลักษตรงกลางมาเป็นหงส์สีแดงตัวเดียวและภายใต้ตัวหงส์จะมีอักษรเขียนเป็นชื่อสโมสรว่า สวอนซี ซิตี้ แต่หลังจากนั้นผ่านมา 4 ปี หงส์สีแดง ที่พวกเขาเคยใช้ถูกเปลี่ยนใหม่มาเป็นสีดำในภายหลังและใช้สืบถอดกันมาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบันนี้ พวกเขาต้องใช้เวลาในการรอคอยอันยาวนานร่วม 30 ปีตั้งแต่ทีมตกชั้นลงไปในปี 1983 พวกเขาไม่สามารถทะยานขึ้นมามองโลกบนเวทีใหญ่ของอังกฤษได้เลย จนในช่วงปี 2010-11 เมื่อโอกาสเดียวของพวกเขามาถึงในการผ่านเข้าไปเพลย์ออฟเลื่อนชั้นพวกเขาสามารถผ่านด่านมาจนถึงนัดชิงกับ เร้ดดิ้ง มาได้ด้วยสกอร์รวม 4-2 ส่งผลให้ 30 ปีที่พวกเขารอคอยก็มาถึงสักที โดยหลังจากที่พวกเขาเลื่อนชั้นขึ้นมาได้ 2 ซีซั่น ทีมก็เริ่มสร้างผลงานได้ดีขึ้นตามลำดับจนสามารถจับถ้วยโทรฟี่ในระดับเมเจอร์ได้เป็นครั้งแรกของสโมสร พวกเขาคว้าถ้วยแชมป์รายการ ลีกคัพ มาได้ในปี 2012-13 พร้อมกับการได้รับคัดเลือกให้ไปต่อยอดในรายการ ยูฟ่า คัพ ในฤดูกาลหน้าและการเข้าไปเล่นบอลถ้วยยุโรปในคราวนี้พวกเขาทำได้ดีกว่าหนแรกที่เคยเข้าไปสามารถทะลุเข้าไปจนถึงรอบ 32 ทีมโดยที่พวกเขาโดนทางฝั่งของ นาโปลี สกัดดาวรุ่งไปในรอบนั้นๆ สถิติที่น่าสนใจของ สวอนซี คือเป็นสโมสรฟุตบอลของประเทศเวลส์ในอันดับที่ 45 ที่สามารถผ่านเข้าไปเล่นในรายการสูงสุดของอังกฤษ และเป็นทีมแรกของการผ่านเข้าไปเล่นรายการ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่มีการปฎิรูปมาใหม่ในปี 1992 ส่วนเรื่องของความสำเร็จของสโมสรของพวกเขาตามบันทึกเรื่องราวที่เห็นๆก็มีแค่การเป็นแชมป์ลีกคัพ หรือรายการ คาราบาว คัพ ที่รู้จักกันในนามของบอลถ้วยเล็กสุดของบรรดาโทรฟี่ของแดนผู้ดี และพวกเขาก็ใช้เวลาวนเวียนอยู่ใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้อยู่นานหลายปีเหมือนกันก่อนจะล่วงตกชั้นลงมาสู่ เดอะ แชมป์เปี้ยนชิพ อังกฤษ อีกครั้งหลังสิ้นฤดูกาล 2017-18 (ในปี 2014 มีภาพยนต์เรื่องหนึ่งที่ถูกสร้างมาจากการหนีตายของ สโมสร หงส์ขาว ในช่วงฤดูกาล 2002-2003 ที่เกือบจะตกชั้นลงไปเล่นอยู่ในลีกสมัครเล่นและหวนกลับคืนสู่ลีกสูงสุดได้อีกครั้ง รวมไปถึงการผ่านเข้าไปเล่นในรายการฟุตบอลยุโรป เป็นภาพยนต์สารคดี ชื่อเรื่องว่า Jack to a King-The Swansea Story และทั้งหมดนี้ก็เป็นที่มาคร่าวๆเจ้าของฉายา หงส์ขาวแห่งเวลส์ หรือทีมฟุตบอล สวอนซี ซิตี้ นั่นเอง ( Updated : 8-5-2020 )