นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (Newcastle United) ชื่อเต็ม (Newcastle United Football Club) ตัวย่อ : NUFC ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1881 ในเมืองนิวคาสเซิ่ล อัพพอนไทน์ อยู่บนริมฝั่งแม่น้ำไทน์ ทีเดิมเป็นทีมคริกเก็ต กีฬาชนิดหนึ่งที่มีผู้เล่น 11 คนเหมือนกับฟุตบอล ต่อมาทีมคริกเก็ตสแตนลี่ย์ได้เปลี่ยนมาเป็นทีมฟุตบอลแทน แล้วในปี ค.ศ. 1882 ก็ได้ใช้ชื่อสโมสรว่า “นิวคาสเซิ่ล อีสต์เอนด์” ช่วงแรกที่ก่อตั้งได้ใช้สนามคริกเก็ตเป็นสนามเหย้าในการแข่งขัน และในขณะนั้นก็มีทีมคริกเก็ตในย่านเดียวกันก่อตั้งเป็นทีมฟุตบอลขึ้นมาชื่อว่า “นิวคาสเซิ่ล เวสต์เอนด์” ก่อนที่ นิวคาสเซิ่ล อีสต์เอนด์ จะย้ายไปเล่นที่สนาม “เซนต์เจมส์พาร์ก” แทน ช่วงปี ค.ศ. 1889 ได้เปลี่ยนจากทีมสมัครเล่นมาเป็นทีมฟุตบอลอาชีพ เลยทำให้ผู้บริหารของ นิวคาสเซิ่ล เวสต์เอนด์ ตัดสินใจเข้าควบกิจการของ นิวคาสเซิ่ล อีสต์เอนด์ ด้วย และทำการยุบสโมสรให้เป็นหนึ่ง ในปี ค.ศ. 1892 โดยใช้ชื่อว่า “นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด” จนทำให้เป็นที่มาของปี ค.ศ. ก่อตั้ง บางรายงานก็บอกว่า ปี ค.ศ. 1881 ตั้งแต่เป็นทีมคริกเก็ต ส่วนบางรายงานก็ว่า ปี ค.ศ. 1892 ที่ได้เปลี่ยนมาเป็น นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด แต่ถึงอย่างไรแล้วก็เป็นสโมสรเดียวกัน

ในช่วงปี ค.ศ. 1950 นิวคาสเซิ่ลสามารถคว้าแชมป์เอฟเอคัพได้ 3 สมัยในระยะเวลา 5 ปี นั่นเลยเป็นจุดความรุ่งเรืองของสโมสร พร้อมกับดาวดังหลายราย อาทิเช่น แจ็คกี้ มิลเบิร์น, บ็อบบี้ มิทเชลล์ และ สแตน เซย์มัวร์ ผ่านไปถึงปี ค.ศ. 1980 นิวคาสเซิ่ลเข้าสู่ยุคมึดมนหลังจากตกลงไปเล่นดิวิชั่น 2 หลายปี ก่อนที่ อาร์เธอร์ ค็อกซ์ จะปรับโครงสร้างทีมขึ้นมาให้ โดยมี เควิน คีแกน (Kevin Keegan) เป็นตัวหลักในการนำนักเตะคนอื่นๆ ให้โชว์ศักยภาพออกมา จนท้ายที่สุดก็เลื่อนชั้นขึ้นลีกสูงสุดได้สำเร็จ ในปี ค.ศ. 1997 ต่อมา อาร์เธอร์ ค็อกซ์ ลาออกจากทีม และ เคนนี่ ดัลกลิช (Kenny Dalglish) ก็ขึ้นมาคุมต่อ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาในการตั้งรับ ในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง เคนนี่ ดัลกลิช ก็พานิวคาสเซิ่ลเข้าไปเล่นในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แต่ในปีเดียวกันนั้นดันแพ้ให้กับ อาร์เซน่อล ในนัดชิงแชมป์เอฟเอคัพ เลยทำให้แฟนคลับทั่วสนามไม่พอใจกับสไตล์การทำทีมของ เคนนี่ ดัลกลิช ส่งผลให้เวลาต่อมาถูกปลดออก ช่วงปี ค.ศ. 2000 นิวคาสเซิ่ลได้ตัดสินใจแต่งตั้ง เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน (Sir Bobby Robson) เข้ามากู้สถานการณ์ให้กับทีม ณ เวลานั้นอยู่ในโซนตกชั้น แต่เกมแรกที่ลงทำทีมนั้น นิวคาสเซิ่ล ถล่ม เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ไป 8 ประตูต่อ 0 แล้วก็เป็นการทำประตูของกัปตันทีมอย่าง อลัน เชียเรอร์ ถึง 5 ประตู แล้วก็ได้ปั้นทีมใหม่ขึ้นมาโดยดันดาวรุ่งมาเป็นตัวหลักหลายราย อาทิเช่น คีรอน ดายเออร์, เคร็ก เบลลามี่ และโลรองต์ โรแบร์ จนทำให้นิวคาสเซิ่ลกลับไปอยู่แนวหน้าของพรีเมียร์ลีกไปได้อีกครั้ง และก็ได้กลับมาลงเล่นรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อีก รวมถึงทะลุผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายในรายการเอฟเอคัพด้วย

ในปี ค.ศ. 2003-2004 นิวคาสเซิ่ลตกรอบคัดเลือก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เลยตกลงไปเล่น ยูฟ่า ยูโรป้าลีก แทน และจบที่รอบรองชนะเลิศ ส่วนในลีกจบอันดับ 5 แต่ภายหลังทางนิวคาสเซิ่ลก็ได้ทำการปลด เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน ในเดือนสิงหาคม และแต่งตั้ง แกรม ซูเนส (Graeme Souness) ขึ้นมาแทน ในช่วงปี ค.ศ. 2004-2005 แกรม ซูเนส ได้ดึง ไมเคิ่ล โอเว่น เข้ามาสู่ทีม โดยมีค่าตัวเป็นสถิติใหม่ของทีม แต่ไม่นาน แกรม ซูเนส ก็ถูกปลดออกอีก ทำให้บอร์ดบริหารดัน เกล็น โรเดอร์ เข้ามาคุมชั่วคราว และในฤดูกาลนั้น ตำนานของทีมอย่าง อลัน เชียเรอร์ ก็ได้ประกาศเลิกเล่นฟุตบอลอย่างเป็นทางการ ในปี ค.ศ. 2006-2007 นิวคาสเซิ่ล จบในอันดับที่ 7 ทาง เกล็น โรเดอร์ ก็ลาออกเองโดยทำการรับผิดยอมผลงาน หลังจากนั้นก็ได้มีการแต่งตั้ง แซม อัลลาร์ไดซ์ (Sam Allardyce) เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมในวันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 2007 และในวันที่ 7 มิถุนายน ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงบอร์ดบริหารใหม่ โดย เฟรดดี้ เชฟเฟริด ได้ตัดสินใจขายสโมสรให้ ไมค์ แอชลี่ย์ (Mike Ashley) ในช่วงปี ค.ศ. 2008-2009 เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ทั้งประกาศขายสโมสร และสโมสรตกไปเล่นในแชมเปี้ยนชิพ แต่วันที่ 27 ตุลาคม ในปีเดียวกัน ไมค์ แอชลี่ย์ ก็ยุติการขาย เพราะไม่สามารถตกลงในเรื่องราคาที่ผู้สนใจจะเทคโอเวอร์ต่อได้ พร้อมกับแต่งตั้ง คริส ฮิวจ์ตัน (Chris Hughton) เข้ามาเป็นผู้จัดการทีม ช่วงปี ค.ศ. 2009-2010 นิวคาสเซิ่ลกลับมาทำผลงานได้ดีขึ้นต่อเนื่องจนคว้าแชมป์แชมเปี้ยนชิพไปครองได้สำเร็จ พร้อมตบเท้าขึ้นสู่ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อัตโตมัติ หลังจากเหลือการแข่งขันอีก 5 เกม หลังจากผ่านมา 5 ปี ทางนิวคาสเซิ่ลก็ได้แต่งตั้ง ราฟาเอล เบนิเตช (Rafael Benitez) เข้ามาคุมทีมในช่วงท้ายฤดูกาล แต่แล้ว ราฟาเอล เบนิเตช ก็ทำไม่สำเร็จตามที่บอร์ดบริหารคาดไว้ เลยตกไปเล่นแชมเปี้ยนชิพอีก ในปีต่อมา ราฟาเอล เบนิเตช ได้ทำการเปลี่ยนแปลงทีมใหม่จนพานิวคาสเซิ่ลคว้าแชมป์แชมเปี้ยนชิพ จากการนำไบรท์ตันเพียง 1 คะแนน ส่งผลให้ นิวคาสเซิ่ล ใช้ระยะเวลาเพียงปีเดียวกันการเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดของประเทศ และก็ได้ทำการแปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมอยู่เรื่อยมา ปัจจุบัน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด อยู่ภายใต้การคุมทีมของ สตีฟ บรูซ (Steve Bruce)

นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด มักจะเข้าชิงในรายการต่างๆ บ่อย แต่ท้ายที่สุดจะจบด้วยตำแหน่งรองแชมป์ซ่ะมากกว่า ลองมาดู เกียรติประวัติแชมป์ทั้งหมดของ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด หรือ “สาลิกาดง” : ระดับทวีปยุโรป แชมป์ยูฟ่าอินเตอร์โตโตคัพ (1 สมัย), แชมป์อินเตอร์ ซิตีส์แฟส์คัพ (1 สมัย) : ระดับประเทศ แชมป์ดิวิชั่น 1 หรือ แชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ (4 สมัย), แชมป์ดิวิชั่น 2 หรือ แชมป์แชมเปี้ยนชิพ (4 สมัย), แชมป์เอฟเอฟคัพ (6 สมัย), แชมป์แชริตี้ชิลด์ หรือ แชมป์เอฟเอคอมมิวนิตี้ชิลด์ (2 สมัย)

ตราสโมสร นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด มีสัญลักษณ์ เป็น “ม้าน้ำ” สื่อถึง ความผูกพันระหว่างเมืองนิวคาสเซิ่ลกับท้องทะเล เพราะพื้นที่ติดกับทะเล ส่วน “โล่ลายทางขาวดำ” คือสีประจำสโมสร แล้ว “ปราสาทข้างหลัง” เป็นป้อมปราการของกษัตริย์นอร์แมน เป็นปราสาทแห่งใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นมาในชื่อของ นิวคาสเซิ่ล (Newcastle) สำหรับ “สิงโต” เป็นตราสิงโตที่ใช้ในกิจการใดๆ สื่อถึงราชวงศ์ของประเทศอังกฤษ ส่วนธงบนยอดปราสาท คือธง ของโบสถ์ เซนต์ จอร์น (St. George) เป็นโบสถ์เก่าแก่ประจำเมืองนิวคาสเซิ่ล ต่อมาได้มีการเปลี่ยนมาเป็นนกแม็กพายส์ หรือ “นกสาลิกา” มีลักษณะสีดำขาว ก่อนที่จะกลับมาใช้ ม้าน้่ำ เหมือนเดิม และปรับแต่งสีสันให้ดูทันสมัยขึ้น แต่ฉายาประจำสโมสรก็เป็นเรียกว่า สาลิกาดง อยู่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจนถึงปัจจุบัน ( Updated : 11-4-2020 )