สเปอร์ส
( Tottenham Hotspur )
website : https://www.tottenhamhotspur.com/home/
No. | Name | Type | Join | Out |
---|---|---|---|---|
1 | อูโก้ โยริส | ผู้เล่น | 2012-08-31 | - |
20 | เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ | ผู้เล่น | 2022-07-01 | - |
- | Ryan Mason | โค้ช | 2023-04-24 | - |
14 | อิวาน เปริซิช | ผู้เล่น | 2022-07-01 | - |
10 | แฮร์รี่ เคน | ผู้เล่น | 2011-01-01 | - |
7 | ซอง เฮือง มิน | ผู้เล่น | 2015-08-28 | - |
27 | ลูคัส มูร่า | ผู้เล่น | 2018-01-31 | - |
5 | ปิแอร์ เอมิล ฮอยเบิร์ก | ผู้เล่น | 2020-08-11 | - |
33 | เบน เดวี่ส์ | ผู้เล่น | 2014-07-23 | - |
15 | เอริค ไดเออร์ | ผู้เล่น | 2014-07-31 | - |
34 | เคลม็องต์ ลองช์เล่ต์ | ผู้เล่น | 2022-07-08 | 2023-06-30 |
9882 | แฮร์รี่ วิงค์ส | ผู้เล่น | 2016-07-01 | - |
10205 | โจวานี่ โล เซลโซ่ | ผู้เล่น | 2020-07-01 | - |
30 | โรดริโก้ เบนตานคูร์ | ผู้เล่น | 2022-01-31 | - |
6 | ดาวินซอน ซานเชซ | ผู้เล่น | 2017-08-18 | - |
9 | ริชาร์ลิสัน | ผู้เล่น | 2022-07-01 | - |
16 | อาร์เนาต์ ดานยูม่า | ผู้เล่น | 2023-01-25 | 2023-06-30 |
9851 | โจ โรดอน | ผู้เล่น | 2020-10-16 | - |
38 | อีฟส์ บิสซูม่า | ผู้เล่น | 2022-07-01 | - |
9906 | เซร์คิโอ เรกีลอน | ผู้เล่น | 2020-09-19 | - |
9875 | ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่ | ผู้เล่น | 2019-07-02 | - |
19 | ไรอัน เซสเซยง | ผู้เล่น | 2019-08-08 | - |
17 | คริสเตียน โรเมโร่ | ผู้เล่น | 2022-08-30 | - |
41 | อัลฟี่ ไวท์แมน | ผู้เล่น | 2020-03-01 | - |
12 | เอเมอร์สัน | ผู้เล่น | 2021-08-31 | - |
40 | แบรนดอน ออสติน | ผู้เล่น | 2020-08-01 | - |
4 | Oliver Skipp | ผู้เล่น | 2018-07-01 | - |
25 | จาเฟ็ต ทังกังกา | ผู้เล่น | 2020-01-01 | - |
9851 | เชด สเปนซ์ | ผู้เล่น | 2022-07-19 | - |
21 | เดยัน คูลูเซฟสกี้ | ผู้เล่น | 2022-01-30 | 2023-06-30 |
9768 | เปโดร ปอร์โร่
| ผู้เล่น | 2023-01-31 | 2023-06-30 |
8411 | Troy Parrott | ผู้เล่น | - | - |
10170 | Harvey White | ผู้เล่น | 2019-07-21 | - |
8302 | ไบรอัน กิล | ผู้เล่น | 2021-07-26 | - |
8600 | Iyenoma Udogie | ผู้เล่น | 2022-08-16 | - |
29 | Pape Sarr | ผู้เล่น | 2021-08-27 | - |
- | Dane Scarlett | ผู้เล่น | - | - |
Tournament | Join | Out |
---|---|---|
Champions Cup | 2019-07-15 | 2019-08-10 |
Audi Cup | 2019-07-29 | 2019-07-31 |
Premier League | 2022-08-05 | 2023-05-28 |
EFL Cup | 2022-08-01 | 2023-02-26 |
Champions League Grp. D | 2022-09-06 | 2022-11-01 |
Champions League Final Stage | 2023-02-13 | 2023-06-10 |
Club Friendlies | 2022-12-31 | 2023-12-30 |
FA Cup | 2022-11-03 | 2023-06-03 |
ประวัติ : สเปอร์ส
สเปอร์ส (Spurs) ชื่อเต็ม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ (Tottenham Hotspur F.C.) ก่อตั้งขึ้นในวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 1882 โดยกลุ่มนักเรียน บ็อบบี้ บัคเกิล (Bobby Buckle) เดิมใช้ชื่อว่า ฮอตสเปอร์ ชิกเก้น คลับ (Hotspur Cricket Club) ในช่วงเวลา 1 ปีต่อมา John Ripsher เข้ามาสนับสนุนในทางด้านต่างๆ แล้วก็ดำรงตำแหน่งเป็นประธานสโมสรคนแรกด้วย พอเริ่มเข้าสู่เดือนเมษายน ค.ศ. 1884 สโมสรได้ทำการเปลี่ยนแปลงชื่อใหม่มาเป็น ฮอตสเปอร์ เอฟซี (Hotspur FC) และมีสนาม ทอตนัม มาร์เชส เป็นสนามเหย้าของตัวเอง แต่แล้วในปี ค.ศ. 1897 สนามดังกล่าวก็ถูกระงับใช้งานถาวร เนื่องจากช่วงเวลานั้นเกิดสงครามโลก เลยทำให้ ฮอตสเปอร์ เอฟซี ต้องไปเช่าสนาม นอททัมเบอร์แลนด์ พาร์ค เป็นระยะเวลา 8 ปี ก่อนที่จะนย้ายออกไปเล่นที่สนามตัวเองอย่าง ไวต์ฮาร์ตเลน (White Hart Lane) ที่ก่อตั้งขึ้นมาในปี ค.ศ. 1899 พอผ่านไปได้ 2 ปี ฮอตสเปอร์ เอฟซี ก็คว้าแชมป์ เอฟเอคัพ มาครองได้ ณ เวลานั้นสโมสรยังเป็นทีมสมัครเล่นอยู่ หลังจากนั้นอีกไม่นาน ฮอตสเปอร์ เอฟซี ก็ได้ขึ้นมาเล่นอยู่ในระดับดิวิชั่น 2 ของประเทศ ก่อนที่จะฤดูกาลด้วยการเป็นรองแชมป์
และนั่นก็ทำให้นักเตะในสโมสรมีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักของเหล่าแฟนคลับในอังกฤษมากขึ้น แล้วในปี ค.ศ. 1912 ก็สามารถจบในตำแหน่งรองแชมป์ลีกสูงสุดได้อีก ภายใต้การคุมทีมของ ปีเตอร์ แมควิลเลี่ยม แต่ช่วงปี ค.ศ. 1914-1915 ฮอตสเปอร์ เอฟซี จนในอันดับท้ายตาราง ก่อนที่ฟุตบอลในประเทศอังกฤษทั้งหมดจะทำการหยุดการแข่งขัน หลังจากเกิดเหตุสงครามโลก พอผ่านพ้นไปก็กลับมาเตะกันใหม่เหมือนเดิม โดยปีนั้น ฮอตสเปอร์ เอฟซี หล่นลงไปเล่นในดิวิชั่น 2 สุดท้ายแล้วก็กลับมาระเบิดฟอร์มเก่ง พร้อมกับคว้าแชมป์ทันที เลยทำให้ขึ้นสูงลีกสูงสุดอย่างรวเร็ว ต่อมาในวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 1921 ปีเตอร์ แมควิลเลี่ยม ก็พา ฮอตสเปอร์ เอฟซี ชูถ้วย เอเฟเอคัพ เป็นสมัยที่ 2 ของประวัติศาสตร์สโมสร ส่วนผลงานในลีกก็ไม่ธรรมดา เพราะสโมสรจบในตำแหน่งรองแชมป์ แต่สโมสรก็อยู่บนลีกสูงได้เพียง 5 ปีเท่านั้น แล้วก็ตกชั้นมาเล่นดิวิชั่น 2 ในปี ค.ศ. 1927-1928 และ ปีเตอร์ แมควิลเลี่ยม ก็ได้รับผิดต่อตัวเองด้วยการลาออก หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1949 ฮอตสเปอร์ เอฟซี ก็ได้เปลี่ยนชื่อสโมสรใหม่อีกครั้งมา ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ หรือเรียกกันสั้นๆว่า สเปอร์ส และถูกเรียกกันนามฉายาว่า “ไก่เดือยทอง” โดยเป็นสัญลักษณ์และชื่อประจำเมืองของสนาม ไวต์ฮาร์ตเลน
มี อาเทอร์ โรเวย์ เป็นผู้จัดการทีม อาเทอร์ โรเวย์ ได้คิดค้นรูปแบบการเล่นและระบบการเล่น แบบ “Push and Run” แล้วมันก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก สามารถพา ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ขึ้นสู่ดิวิชั่น 1 ได้ในระยะเวลา 1 ปี และในช่วงนั้นสโมสรก็ผงาดคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศในเวลานั้นได้สำเร็จ ในปี ค.ศ. 1950-1951 จากนั้น อาเทอร์ โรเวย์ ก็ตัดสินใจลาออกช่วงเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 1955 เนื่องจาก อาเทอร์ โรเวย์ ประสบปัญหาด้านความเครียดและการจัดการสโมสรบวกกับอาการเจ็บปวดแทรกซ้อนด้วย แต่ก่อนออกไป อาเทอร์ โรเวย์ ได้มอบของขวัญสุดพิเศษให้กับทาง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ด้วยการเซ็นสัญญายอดนักเตะอย่าง แดนนี่ บลังค์ฟลาวเวอร์ (Danny Blanchflower) ที่มีดีกรีส่วนตัวเป็น FWA Footballer of the Year 2 ปี ตำนานของทีมอย่าง บิล นิโคลสัน ได้หวนมาคุมทีมในเดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 1958 หลังจากแขวนสตั๊ด และ บิล นิโคลสัน ก็เป็นผู้จัดการอีกคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จกับสโมสร ด้วยการคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 ถึง 2 ครั้ง, แชมป์เอฟเอคัพ 3 ครั้ง, แชมป์ลีกคัพ 1 ครั้ง, แชมป์คอมมูนิตีชิลด์ 3 ครั้ง แล้วรายการระดับยุโรปอย่าง แชมป์ยูฟ่าคัพ หรือ ยูโรป้าลีกในปัจจุบัน 1 ครั้ง และแชมป์ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ 1 ครั้ง ตลอดระยะเวลา 16 ปี ที่อยู่ในฐานะผู้จัดการทีม บิล นิโคลสัน พา ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ประสบความสำเร็จมากมายมหาศาล
แต่ในช่วงยุค 70 สโมสรกลับมาสู่ตกต่ำอีกครั้ง หลังจาก บิล นิโคลสัน ลาออก ด้วยการตกลงไปเล่นดิวชั่น 2 ในปี ค.ศ. 1976-1977 ส่งผลให้ คีธ เบอร์คินชอว์ (Keith Burkinshaw) กลับมากู้วิกฤตของสโมสรอย่างเร่งด่วน และช่วงเวลาต่อนั้นก็นับว่าเป็นความโชคดีขึ้น ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่ได้ คีธ เบอร์คินชอว์ มาคุมทีม เพราะกลับมาประสบความสำเร็จแบบสุดๆ ในช่วงปี ค.ศ. 1981 ถึง ปี ค.ศ. 1982 สโมสรคว้าแชมป์เอฟเอคัพมาครอง 2 ครั้งติด นอกจากนั้นจะเถลิงบังลังค์ แชมป์ยูฟ่าคัพ หรือ ยูโรป้าลีก ได้อีกครั้ง และกลายเป็นแชมป์สมัยที่ 2 ของสโมสรด้วย ในช่วงปี ค.ศ. 1980 ถือว่าเป็นช่วงเวลาการเปลี่ยนแปลงของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มากมาย ทั้งการพัฒนาสนาม ไวต์ฮาร์ตเลน รวมถึงเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการสโมสร ในตอนนั้น เออร์วิง สโคลาร์ เข้ามารับตำแหน่งบริหารสโมสรต่อมีทั้งทางพาณิชย์และธุรกิจการค้า นอกเหนือจากนี้สโมสรก็ยังสามารถคว้าแชมป์เอฟเอคัพได้อีกครั้ง ในปี ค.ศ. 1990-1991 พอก้าวเข้าสู่ปี ค.ศ. 1992 ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ คือ 1 ใน 5 สโมสรที่ผลักดันให้ก่อตั้งพรีเมียร์ลีกขึ้นมาจากเดิมที่เคยเป็นดิวิชั่น 1 จากความเห็นชอบของสมาคมฟุตบอลอังกฤษทำให้พรีเมียร์ลีกเป็นลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษทันที หลังจากนั้นสโมสรไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จมากนัก ทั้งๆที่มี ยอดนักเตะชั้นนำอย่าง Teddy Sheringham, Jurgen Klinsmann, David Ginola ย่านเข้าสู่ปี ค.ศ. 2010 แฮร์รี เรดแนปป์ (Harry Redknapp) เข้ามาคุมทีม และได้ยกกำลังชั้นนำอย่างระดับโลกอย่าง แกเร็ธ เบล และ ลูก้า โมดริช ก่อนที่ปีนั้นจะจบลงด้วยอันดับที่ 5 นับว่าเป็นครั้งแรกหลังจากก่อตั้งพรีเมียร์ลีก ต่อมาในปี ค.ศ. 2014 ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งกับการดึงตัว เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ (Mauricio Pochettino) เข้ามาคุมทีมต่อ และไม่นานก็พาสโมสรขึ้นไปเทียบชั้นเท่ากับเหล่าท็อปโฟร์ (Top 4) ได้สำเร็จ ด้วยการจบอันดับที่ 2 แล้วในปี ค.ศ. 2016-2017 สโมสรก็ได้ลงแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รายการที่ใหญ่ที่สุดของทวีปยุโรป และสโมสรก็เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์สโมสร และเป็นทีมที่ 3 ของประเทศอังกฤษที่สามารถผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ แต่แล้วก็ไม่ได้ถึงฝัน เพราะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ พลาดท่าแพ้ให้กับ ลิเวอร์พูล ไป 2 ประตูต่อ 0 ส่งผลให้สโมสรจบแค่รองแชมป์เท่านั้น ต่อมาในปี 2019 เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ก็ถูกปลด และได้แต่งตั้ง โชเซ่ มูรินโญ่ (Jose Mourinho) เข้ามาคุมทีมแทนจนถึงปัจจุบัน
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ คือ อีกหนึ่งสโมสรของอังกฤษ ที่ประสบความสำเร็จมากมาย ทั้งในประเทศและนอกประเทศ เกียรติประวัติแชมป์ทั้งหมดของ สเปอร์ส หรือ “ไก่เดือยทอง” : ระดับทวีปยุโรป รองแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก (1 ครั้ง), แชมป์ ยูฟ่า ยูโรป้าลีก (2 สมัย), แชมป์ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ (1 สมัย) : ระดับประเทศ แชมป์ดิวิชั่น 1 หรือ แชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ (2 สมัย), แชมป์ดิวิชั่น 2 หรือ แชมป์แชมเปี้ยนชิพ (2 สมัย), แชมป์เอฟเอฟคัพ (8 สมัย), แชมป์อีเอฟแอลคัพ หรือ แชมป์คาราบาวคัพ (4 สมัย), แชมป์แชริตี้ชิลด์ หรือ แชมป์เอฟเอคอมมิวนิตี้ชิลด์ *เป็นแชมป์ร่วม 3 สมัย* (7 สมัย) ( Updated : 8-4-2020 )