TDEDKICK.COM

บาร์เซโลน่า

( Barcelona )


website : http://www.fcbarcelona.cat
No. Name Type Join Out
- Xavi Hernandez โค้ช 2021-11-06 -
9 โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ผู้เล่น 2022-07-18 -
22 อิลคาย กุนโดกัน ผู้เล่น 2023-07-01 -
1 มาร์ค-อันเดร แตร์ สเตเก้น ผู้เล่น 2014-07-01 -
17 มาร์กอส อลอนโซ่ ผู้เล่น 2022-09-01 -
18 โอริโอล โรเมอู ผู้เล่น 2023-07-19 -
20 เซอร์จี้ โรแบร์โต้ ผู้เล่น 2013-07-01 -
5 อินญีโก้ มาร์ตีเนซ ผู้เล่น 2023-07-05 -
8456 ฌูเวา กังเซลู ผู้เล่น 2023-09-01 2024-06-30
15 อันเดรียส คริสเตนเซ่น ผู้เล่น 2022-07-04 -
10252 เคลม็องต์ ลองช์เล่ต์ ผู้เล่น 2018-07-12 -
21 แฟรงกี้ เดอ ยอง ผู้เล่น 2019-07-01 -
11 ราฟินญ่า ผู้เล่น 2022-07-13 -
23 ฌูลส์ กูนด์ ผู้เล่น 2022-07-28 -
9906 ชูเอา เฟลิกซ์ ผู้เล่น 2023-09-01 2024-06-30
7 เฟร์ราน ตอร์เรส ผู้เล่น 2022-01-01 -
8640 เซอร์จิโน่ เดสท์ ผู้เล่น 2020-10-01 -
4 โรนัลด์ อาเราโฆ ผู้เล่น 2019-08-01 -
7732 เอริก การ์ซิอา ผู้เล่น 2021-07-01 -
13 Inaki Pena ผู้เล่น 2018-07-01 -
8306 จูเลี่ยน อาราโฮ ผู้เล่น 2023-07-01 -
8 เปดรี้ ผู้เล่น 2019-09-02 -
10204 อันซู ฟาติ ผู้เล่น 2020-09-23 -
- Chadi Riad ผู้เล่น 2023-07-01 -
7732 Pablo Torre ผู้เล่น 2022-07-01 -
3 Alex Balde ผู้เล่น 2022-07-01 -
6 Gavi ผู้เล่น 2021-07-01 -
19 Vitor Roque ผู้เล่น 2024-01-01 -
8581 Alex Valle ผู้เล่น 2023-07-01 -
16 Fermin Lopez ผู้เล่น 2023-07-01 -
38 Marc Guiu ผู้เล่น - -
27 Lamine Yamal ผู้เล่น 2023-07-01 -
39 Hector Fort ผู้เล่น - -
33 Pau Cubarsi ผู้เล่น - -
Tournament Join Out
Super Cup 2024-01-09 2024-01-14
LaLiga 2023-08-11 2024-05-26
Champions League Grp. H 2023-09-18 2023-12-13
Copa del Rey 2023-10-30 2024-04-06
Club Friendlies 2023-12-31 2024-12-30
Champions League Final Stage 2024-02-12 2024-06-01

ประวัติ : บาร์เซโลน่า

บาร์เซโลน่า (Barcelona) ชื่อเต็ม (Futbol Club Barcelona) หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า “บาร์ซ่า” (Barca) หรือเรียกกันในนามฉายาว่า “เจ้าบุญทุ่ม” อยู่แคว้นกาตาลุญญา เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ค.ศ. 1899 ฌูอัน กัมเป ได้ติดประกาศโมษณาในโลสเดปอร์เตส ว่าต้องการจะก่อตั้งสโมสรฟุตบอล หลังจากนั้นก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จนถึงวันที่ 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 1899 ก็ได้ก่อตั้งสโมสรขึ้นมา โดยมี วอลเตอร์ ไวลด์ (Walter Wild) เข้ามาเป็นผู้บริหารสโมสร และก็เป็น 1 ในผู้เล่น 11 คน ได้แก่ ลุยส์ ดีออสโซ่ (Lluis dOsso), บาร์โตเมว เตร์ราดัส (Bartomeu Terradas), ออตโต กุนเซิล (Otto Kunzle), ออตโต แมเยอร์ (Otto Maier), เอนริก ดูกัล (Otto Maier), เปเร กาบอต (Pere Cabot), กาเลส ปูคอล (Carles Pujol), ชูเซป โยเบต (Josep Llobet), จอห์น พาร์สันส์ (John Parsons) และ วิลเลียม พาร์สัน (William Parsons) จนทำให้เกิดเป็นฟุตบอลคลับบาร์เซโลน่าขึ้นมา

สโมสรประสบความสำเร็จในช่วงแรกของการแข่งขันระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ ด้วยการคว้าแชมป์ กัมเปียวนัตเดกาตาลุนยา หรือ กาตาลาฟุตบอลแชมเปี้ยนชิพ ในปี ค.ศ. 1902 ส่วนรายการโกปาเดลเรย์ พ่ายแพ้ต่อ อัตเลติกเดบิลบาโอ หรือ แอธเลติก บิลเบา ในนัดชิงชนะเลิศ ต่อมาปี ค.ศ. 1908 สโมสรมีปัญหาทางด้านการเงิน เลยต้องย้ายไปเล่นที่สนาม กัมเดลาอินดุสเตรีย (Camp de la Industria) และสโมสรก็แข่งขันในรายการถ้วยพิเรนีส ช่วงเวลานั้นได้มีการเปลี่ยนชื่อสโมสรอย่างเป็นทางการจากภาษาสเปนกัสติยา (Castilian Spanish) มาเป็นภาษากาตาลา และได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องสัญลักษณ์และอัตลักษณ์ของกาตาลา เพื่อให้แฟนคลับได้มีส่วนร่วมกับทางสโมสร ต่อมาในปี ค.ศ. 1922 ทางสโมสรก็มีสมาชิกแฟนคลับเพิ่มขึ้นมากกว่า 20,000 คน และเรื่องทางด้านการเงินก็ดีขึ้นและคล่องตัวขึ้น จนสโมสรสามารถสร้างสนามแห่งใหม่ แล้วก็นับว่าเป็นยุคทองของสโมสรเลยทีเดียว หลังจากคว้าแชมป์กัมเปียวนัตเดกาตาลุนยา 11 สมัย, แชมป์พิเรนีส 4 สมัย และแชมป์โกปาเดลเรย์ 6 สมัย ภายใต้การคุมทีมของ แจ็ก กรีนเวลล์ (Jack Greenwell) ถัดมา 1 ปี ในวันที่ 14 มิถุนายน มีหมู่ชนที่สนามร้องเพลงชาติประท้วงต่อระบบเผด็จการของ มีเกล เด รีเบรา จนทำให้สนามต้องถูกสั่งปิดถึง 6 เดือน และ ฌูอัน กัมเป ก็ถูกบีบให้ลาออกจากการเป็นประธานสโมสร เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสโมสรอย่างมากด้วยการก้าวขึ้นไปเป็นฟุตบอลอาชีพ ต่อมาในวันที่ 30 กรกฎาคม ค.ศ. 1930 ก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน จากการที่ ฌูอัน กัมเป ฆ่าตัวตาย ด้วยปัญหาทางด้านการเงินและปัญหาส่วนตัว หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดสงครามทางการเมือง และได้มีการสั่งห้ามธงชาติกาตาลาและสโมสรฟุตบอลที่ไม่ได้ใช้ชื่อสเปน เลยทำให้สโมสรเปลี่ยนชื่อมาเป็น กลุบเดฟุตบอลบาร์เซโลนา (Club de Fubol Barcelona)

ต่อมาสโมสรก็ได้แข่งขันกับ เรอัล มาดริด ในรายการกปาเดลเฆเนราลิซิโม รองรองชนะเลิศ ในปี ค.ศ. 1943 ที่สนามเลสกอตส์ นัดแรกสโมสรชนะไปก่อน 3-0 ช่วงก่อนแข่งขันนัดที่ 2 จอมพลฟรันซิสโก ฟรังโก้ เข้าเยี่ยมห้องเปลี่ยนชุดของสโมสร และได้มีการตักเตือนในเรื่องการเล่น หลังจากการแข่งขันนัดที่ 2 จบลง เรอัล มาดริด พลิกกลับมาชนะแบบไม่เห็นฝุ่นไป 11-1 ในช่วงปี ค.ศ. 1948 ก็ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าแชมป์ละตินคัพเป็นครั้งแรก ช่วงเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ. 1950 สโมสรได้เซ็น ลัสโซล คูบาลา (Laszlo Kubala) เข้ามาร่วมทีม นับว่าเป็นนักเตะที่มีอิทธิพลต่อสโมสรมาก และในปีนั้น ลัสโซล คูบาลา ก็พาสโมสรคว้าแชมป์ 5 รายการ ภายใต้การคุมทีมของ เฟอร์ดินานด์ เดาซิก (Ferdinand Daucik) ในช่วงเวลาต่อมาสโมสรไม่ค่อยประสบความสำเร็จเหมือนกับเมื่อก่อน หลังจาก เรอัล มาดริด เป็นฝ่ายเดียวที่คว้าแชมป์ไปครอง แต่มันก็เป็นช่วงดีของ ชูเซบ มาเรีย ฟุสเต้ (Josep Maria Fuste) และ การ์เลส เรซัช (Carles Rexach) ที่ได้แจ้งเกิด ทำให้สโมสรกลับมาทำผลงานได้ดีขึ้นและสามารถเอาชนะคู่ปรับตลอดกาลอย่าง เรอัล มาดริด ได้ด้วย เมื่อเข้าสู่ปลายยุคระบบเผด็จการสโมสรก็ได้ทำการเปลี่ยนชื่อมาเป็น ฟุตบอลกลุ่มบาร์เซโลน่า และได้เปลี่ยนตราสัญลักษณ์มาเป็นแบบเดิมด้วย รวมถึงการย้ายมาใช้สนาม คัมป์นู (Camp Nou) เป็นสนามเหย้าของตัวเองอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1957 แล้วการเข้ามาของ โยฮัน ไกรฟฟ์ (Johan Cruyff)

นับว่าเป็นมิติใหม่ที่ดีของสโมสร นอกจากจะเป็นสถิติในเรื่องค่าตัวในสมัยนั้นแล้ว ยังได้รับเลือกให้เป็นนักฟุตบอลยุโรปยอดเยี่ยมในปี ค.ศ. 1973 แล้วช่วงฤดูกาลแรก โยฮัน ไกรฟฟ์ ก็คว้ารางวัลบัลลงดอร์เป็นครั้งที่ 2 และยังได้รับอีกครั้งในฤดูกาลต่อมา ถือว่าเป็นนักฟุตบอลคนแรกในสมัยนั้นที่สามารถคว้ารางวัลบัลลงดอร์มาได้ถึง 3 ครั้ง หลังจากสิ้นสุดระบบเผด็จการของจอมพลฟรังโก้ สโมสรก็พัฒนาจนขึ้นสู่ระดับโลก ในปี ค.ศ. 1979 นับว่าเป็นครั้งแรกของสโมสรที่สามารถคว้าแชมป์ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ ด้วยการชนะ ฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ ไป 4-3 ต่อมาก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จสักเท่าไหร่ และก็มีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีม จนมาถึงปี ค.ศ. 1988 โยฮัน ไกรฟฟ์ กลับเข้ามาในสโมสรอีกครั้งในฐานะผู้จัดการทีม และก็เป็นที่กล่าวขานกันว่า โยฮัน ไกรฟฟ์ เป็นผู้จัดการทีมประสบความสำเร็จมากที่สุดและดำรงตำแหน่งอยู่กับสโมสรยาวนานที่สุด แต่ช่วง 2 ปีท้าย โยฮัน ไกรฟฟ์ ก็ออกจากสโมสรไปหลังจากทำพลาดหลายรายการ และได้ทำการแต่งตั้ง บ็อบบี้ ร็อบสัน (Bobby Robson) เข้ามาคุมทีมแทน ส่วน ริวัลโด้ (Rivaldo) เป็นนักฟุตบอลคนที่ 4 ของสโมสรที่ได้รับรางวัลบัลลงดอร์ หรือ นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรป ในปี ค.ศ. 2003 หลุยส์ ฟาน กัล (Louis van Gaal) เข้ามารับหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมครั้งที่ 2 แต่ก็ได้ลาออกไปอีก ต่อมาสโมสรได้ฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ทางการที่ วูอัน ลาปอร์ตา เข้ามาเป็นประธานสโมสรพร้อมกับดึง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า (Pep Guardiola) จากชุดเยาวชนขึ้นมาคุมชุดใหญ่ ทำให้สโมสรกลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้ง

ต่อมาในปี ค.ศ. 2009 ก็คว้าแชมป์ฟีฟ่าเวิร์ดคัพ และเป็นสโมสรแรกที่คว้า 6 แชมป์มาครอง แล้วก็สร้างสถิติใหม่ให้กับวงการฟุตบอลในประเทศสเปน ด้วยการเก็บ 99 คะแนน และยังคว้าแชมป์ซูเปอร์คัพของประเทศมากที่สุดด้วยถึง 9 ครั้ง ในปี ค.ศ. ซันดรู รูเซลย์ (Sandro Rosell) ก็เข้ามาประธานสโมสรคนใหม่ และได้เซ็นสัญญากับนักเตะใหม่ เช่น ดาบิด บีย่า (David Villa), คาเบียร์ มาเชราโน่ (Javier Mascherano) ตอนเดือนพฤศจิกายน ปี 2010 ก็เอาชนะ เรอัล มาดริด ไป 5-0 และยังครองแชมป์ลาลีก้าเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกันด้วย ในปี ค.ศ. 2011 สโมสรเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไป 3-1 ในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นับว่าเป็นครั้งที่ 4 แล้ว และเดือนสิงหาคมก็ได้ดึงตัว เซสก์ ฟาเบรกัส มาเสริม และก็ช่วยให้สโมสรป้องกันแชมป์ซูเปอร์คัพได้อีก ส่งผลให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คว้าไป 12 แชมป์ จากการลงแข่งขัน 15 ครั้ง ในระยะเวลา 3 ปี แล้วก็กลายเป็นผู้จัดการทีมที่คว้าแชมป์ให้กับสโมสรมากที่สุด ในช่วงเดือนธันวาคมสโมสรก็คว้าแชมป์ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพได้อีก ทำให้การทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เพิ่มขึ้นเป็น 13 แชมป์ จากการแข่งขัน 16 ครั้งในช่วง 3 ปีครึ่ง ปัจจุบัน บาร์เซโลน่า อยู่ภายใต้การคุมทีมของ กีเก้ เซเตียน (Quique Setien)

เกียรติประวัติแชมป์ทั้งหมดของ บาร์เซโลน่า หรือ “เจ้าบุญทุ่ม” : ระดับทวีปยุโรป แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก (5 สมัย), แชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ (5 สมัย), แชมป์ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ (4 สมัย), แชมป์สโมสรโลก (3 สมัย), แชมป์อินเตอร์ ซิตีส์แฟส์คัพ (3 สมัย) : ระดับประเทศ แชมป์ลาลีก้า (26 สมัย), แชมป์โกปาเดลเรย์ (30 สมัย), แชมป์ซูเปอร์โกปา เด เอสปันญ่า (13 สมัย), แชมป์ โกปา เอบา ดัวร์เต (3 สมัย), โกปา เด ลาลีก้า (2 สมัย) และระดับภูมิภาคอีกมากมาย ( Updated : 17-4-2020 )

Top Goal Player