ลีลล์
( Lille )
website : http://www.losc.fr/
No. | Name | Type | Join | Out |
---|---|---|---|---|
1 | วีโต มันโนเน | ผู้เล่น | 2023-08-29 | - |
21 | แบ็งฌาแม็ง อ็องเดร | ผู้เล่น | 2019-07-17 | - |
31 | Ismaily | ผู้เล่น | 2022-08-04 | - |
10 | เรมี่ กาเบลล่า | ผู้เล่น | 2022-07-01 | - |
14 | ซามูแอล อุมติตี้ | ผู้เล่น | 2023-07-23 | - |
- | เปาลู ฟอนเซกา | โค้ช | 2022-07-01 | - |
17 | อีวาน กาวาไลโร่ | ผู้เล่น | 2023-08-10 | - |
6 | นาบิล เบนทาเล็บ | ผู้เล่น | 2023-08-28 | - |
8394 | อคิม เซดาดก้า | ผู้เล่น | 2022-07-01 | - |
16 | อดัม ยาคูเบค | ผู้เล่น | 2017-07-26 | - |
11 | อดัม อูนาส์ | ผู้เล่น | 2022-09-01 | - |
12 | ยูซุฟ ยาซิซี่ | ผู้เล่น | 2019-08-06 | - |
5 | กาเบรียล กุ๊ดมุนด์สัน | ผู้เล่น | 2021-08-31 | - |
8 | อังเคล โกเมส | ผู้เล่น | 2020-08-09 | - |
23 | เอดอน เชโกรว่า | ผู้เล่น | 2022-01-14 | - |
9746 | โมฮาเหม็ด บาโย่ | ผู้เล่น | 2022-07-13 | - |
9 | โจนาธาน ดาวิด | ผู้เล่น | 2020-08-11 | - |
18 | ฟีร์แม็ง มูเบเล่ | ผู้เล่น | 2022-08-05 | - |
7 | Hakon Arnar Haraldsson | ผู้เล่น | 2023-07-17 | - |
24 | Andrej Ilic | ผู้เล่น | 2024-02-01 | - |
8311 | Alan Virginius | ผู้เล่น | 2022-08-17 | - |
30 | Lucas Chevalier | ผู้เล่น | 2020-07-01 | - |
4 | Alexsandro Ribeiro | ผู้เล่น | 2022-07-01 | - |
19 | Tiago Morais | ผู้เล่น | 2024-01-30 | - |
20 | Ignacio Miramon | ผู้เล่น | 2023-08-10 | - |
42 | Joffrey Bazie | ผู้เล่น | - | - |
28 | Rafael Fernandes | ผู้เล่น | 2024-01-31 | - |
15 | Leny Yoro | ผู้เล่น | 2022-07-01 | - |
22 | Tiago Santos | ผู้เล่น | 2023-07-05 | - |
38 | Ichem Ferrah | ผู้เล่น | - | - |
40 | Tom Negrel | ผู้เล่น | 2022-07-01 | - |
36 | Ousmane Toure | ผู้เล่น | - | - |
33 | Ayyoub Bouaddi | ผู้เล่น | 2023-07-01 | - |
60 | Lisandru Olmeta | ผู้เล่น | - | - |
43 | Trevis Dago | ผู้เล่น | - | - |
Tournament | Join | Out |
---|---|---|
League Cup | 2019-08-12 | 2020-07-31 |
Ligue 1 | 2023-08-11 | 2024-05-18 |
Europa Conference League Qualification | 2023-07-11 | 2023-08-31 |
Europa Conference League Grp. A | 2023-09-20 | 2023-12-14 |
Europa Conference League Final Stage | 2024-02-14 | 2024-05-29 |
Coupe de France | 2023-10-26 | 2024-04-29 |
ประวัติ : ลีลล์
ความเป็นเป็นไปเป็นมาของสโมสรแห่งนี้จุดกำเนิดเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน คศ.1944 ปัจจุบันเป็นทีมฟุตบอลระดับอาชีพประจำลีกสูงสุดของประเทศฝรั่งเศส หรือ ลีกเอิง ฝรั่งเศส มีความสำเร็จมากมายในช่วงทศวรรษที่ 40-50 เป็นสโมสรขนาดกลางที่สร้างสรรค์ปลุกปั้นนักเตะดังๆมากมายให้กับวงการฟุตบอล ตั้งแต่ที่พวกเขาได้ลงเล่นในลีกสูงสุดของประเทศ เกือบจะตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันซึ่งจะไม่ใช่ทีมฟุตบอลที่ล่วงตกชั้นบ่อยๆจัดว่าเป็นสโมสรฟุตบอลที่ไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรมากมายแต่ก็เป็นสโมสรที่ยืนหยัดอยู่เป็นเสาหลักของ ลีกเอิง ฝรั่งเศส มาโดยตลอด ลีลล์ เคยได้แชมป์ระดับลีกสูงสุดมาแล้ว 3 สมัย และเป็นแชมป์บอลถ้วยใหญ่ในระดับประเทศหรือ กุป เดอ ฟร็องส์ มา 6 สมัย และนอกจากนั้นยังได้แชมป์รายการ ยูฟ่าอินเตอร์โตโต้คัพ ไปอีก 1 สมัย ปัจจุบันมีแฟนคลับจำนวนมากทำให้สนามเดิมที่ปรับปรุงมาใหม่สามารถจุสมาชิกเข้าชมเกมได้มากถึง 50,186 ที่นั่ง ชื่อสนามเหย้าของพวกเขาคือ สตาดปีแยร์-โมรัว
ความเป็นมาของ ลีลล์ มีมาตั้งแต่ปี 1944 หรือในปีพุธศักราช 2487 การก่อตั้งสโมสรเกิดขึ้นในช่วงปี 2487 ที่พวกเขาเริ่มมาเอาดีทางด้านฟุตบอลโดยมาเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกทีในปี 1944 เดิมที่สโมสรแห่งนี้เป็นทีมฟุตบอลที่รวมสองสโมสรเข้าด้วยกันโดย 1 คือ โอลิมปิกลีลล์ และ เอสซี ไฟว์ส จนกลายมาเป็น Lille Olympique Sporting Club (LOSC) หลังจากสิ้นยุคสงครามโลกครั้งที่สองได้มีการก่อตั้งลีกฟุตบอลขึ้นมาใหม่ภายใต้ชื่อที่ว่า ลีกเอิง ฝรั่งเศส ต่อมา ลีลล์ ก็ได้กลายเข้ามาเป็น 1 ใน 20 สโมสรของลีกจากผลงานในปีแรกหลังจากที่รวมตัวสโมสรกันเรียบร้อยแล้วในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 1944 ในการเป็น ลีลล์ ในยุคแรกพวกเขาสามารถคว้าแชมป์ลีกได้ถึง 2 ครั้งและยังได้รองแชมป์ลีกอีก 4 ครั้งด้วยกันส่วนในรายหาร กุป เดอ ฟร็องส์ สโมสรครองถ้วยแชมป์ไป 5 ครั้งและรวมกันแล้วในการเข้าชิงทั้งหมด 7 ครั้งด้วยกันและไปถึงรอบรองชนะเลิศอีก 5 ครั้ง ลีลล์ ถือว่าเป็นสโมสรแรกๆของลีกเอิงที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่เริ่มมีการก่อตั้ง ลีกฟุตบอลลีกใหญ่ของฝรั่งเศส และน้อยครั้งที่จะเห็นพวกเขาตกชั้นลงไปในศึก ดิวิชั่น 2 หรือ ลีกเดอซ์ หากจะถามถึงช่วงเวลาที่ย่ำแย่มากที่สุดของพวกเขาน่าจะเป็นช่วงปี พ.ศ.2499-2523 พวกเขาถูกเขี่ยให้ต้องลงไปเล่นในดิวิชั่น 2 อยู่ในปี 1956 และหลังจากนั้นผลงานของทีมก็ไม่ดีขึ้นเลยจนถึงช่วงปลายของทศวรรษที่ 60 พวกเขาถึงจะเริ่มกลับมาโชว์ฟอร์มได้ดีจนทำให้ทีมความแชมป์ ลีกเดอซ์ มาครองได้สำเร็จ ปัญหาที่พวกเขาเจอมาอย่างหนักหน่วงในช่วงนั้นมาจากเรื่องของทรัพยการและความสะดวกสบายทีมยังไม่มีผลกำไรหรือเงินเข้ามาในสโมสรเลยเพราะพวกเขาตกชั้นลงมาและไม่สามารถหาแชมป์มาประดับให้แฟนบอลได้อุ่นใจ จนสุดท้ายพวกบรรดาเหล่าแฟนบอลของพวกเขาเกือบจะไม่ได้เห็นชื่อ ลีลล์ อยู่ในสาระบบของฟุตบอลระดับอาชีพ
ด้วยเหตุผลที่ไม่สามารถหาเงินเข้ามาพัฒนาสโมสรได้ แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ยังประครองทีมมาได้ภายใต้การบริหารทีมฟุตบอลของ Max Pommerloler ผู้นำหนุ่มอายุน้อยที่ทำให้สโมสรแห่งนี้กลับมามีชีวิตชีวาจนสุดท้ายก็สร้างชื่อสร้างหน้าตาให้กับแฟนบอลด้วยการคว้าแชมป์ ลีกเดอซ์ ได้สำเร็จในปี 1963-64 และขึ้นมาเฉิดหน้าชูตาอยู่ในลีกสูงสุดได้อีกสักระยะถึงจะตกชั้นลงไปอีกครั้งแต่ถึงยังไงพวกเขาก็กลับมาได้เหมือนเดิมโดยที่ความมั่นคง สโมสรเริ่มมีการบริหารที่ดีเกิดขึ้นในช่วงปี 1980 การเข้ามาควบกิจการสโมสรของบริยษัทและนักธุรกิจทำให้ ลีลล์ เป็นทีมฟุตบอลที่มีการบริหารแบบการผสม แต่ว่า ลีลล์ ก็ยังเป็นฝ่ายที่ถือหุ้นสูงสุดของสโมสรพวกเขาช่วยกันประคับประครองกันมาจนประสบความสำเร็จมากมายโดยภายใต้การนำสโมสรโดยนาย Amyot Deschot และ Dewailly ที่คอยช่วยกันผลักดันทีมฟุตบอลของเขาให้ไปเทียบเท่ากับสโมสรฟุตบอลทีมใหญ่ๆในลีก แต่แล้วเหมือนเส้นทางของ ลีลล์ เริ่มที่จะหักเหอีกหนหนึ่งจากการอำลาของ Amyot ในปี 1990 เจ้าตัวตัดสินใจทิ้งตำแหน่งไปเป็นเหตุทำให้สโมสรต้องวุ่นวายกันยกใหญ่สโมสรขาดเงินลงทุนและความมั่นคงทางธุรกิจไป ทำให้พวกเขาต้องเขว้งเป็นระยะเวลาถึง 3 ปีด้วยกันก่อนที่จะมีฮีโร่คนใหม่เข้ามาประครองสโมสรต่อ ไม่นานในปี 1993 การเข้ามาของ เบอร์นาร์ด เลคอมเต ที่เข้ามาบริหารจัดการสโมสรฟื้นฟูระบบการเงินจนกลับมาหมุนเวียนได้ดีอีกครั้งภายใต้วิกฤติกาลในช่วงการตกชั้นครั้งสุดท้ายของพวกเขาในปี 1997 แต่หลังจากที่ได้กุนซือคนใหม่อย่าง Vahid Halilhodžić เข้ามาคุมทีมเขาใช้เวลาแค่ปีเดียวที่ทีมตกชั้นลงไปสามารถคว้าแชมป์ในดิวิชั่น 2 และเลื่อนชั้นกลับมาสู่ ลีกเอิง ฝรั่งเศส ได้อย่างรวดเร็ว
การกลับมาของ Lille ในครั้งนี้นับเป็นช่วงทศวรรษที่มั่นคงของพวกเขาทีมเกาะติดอยู่อันดับต้นของ ดิวิชั่น 1 ในประเทศมาตลอดได้ตั๋วออกไปลุยฟุตบอลถ้วยยุโรปอยู่หลายต่อหลายครั้ง เพียงแค่ปีเดียวที่เลื่อนชั้นกลับขึ้นมาพวกเขาก็สามารถเก็บโควต้าตั๋วไปเล่นบอลยุโรปได้ในทันทีช่วงปี 2001-2002 ซึ่งในตอนนั้นคนที่เป็นประธานคือนาน เซล เซย์ดุ และมีกุนซืออย่าง โคลด ปูแอล เข้ามาจัดการรูปแบบการเล่นของทีมซึ่งในปัจจุบันนี้กลายเป็นกุนซือระดับต้นๆของวงการฟุตบอลไปแล้ว ในปีเดียวกันสโมสรตัดสินใจย้ายถิ่นสนามเดิมที่เคยใช้มาอย่าง Stade Grimonprez-Jooris และเปลี่ยนไปใช้สนาม Stadium Lille Metropole และยังเป็นสนามเหย้าที่ใช้กันมาจนถึงยุคปัจจุบัน พวกเขาสร้างชื่อให้คนได้รู้จักความร้ายกาจของพวกเขาในทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลยุโรปรายการใหญ่อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก การเอาชนะทีมใหญ่ในอังกฤษอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 ในสนาม สตาดเดอฟร็องส์ ปี 2005 การเอาชนะทั้ง เอซี มิลาน ทีมใหญ่ใน กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี รวมไปถึงการเอาชนะเจ้ายุโรปอย่าง ลิเวอร์พูล นอกจากนั้นสโมสรก็พัฒนาขยายตัวอย่างรวดเร็วอาทิการก่อตั้งศูนย์ฝึกอบรบ Domaine de Luchin ในปี 2007 และต่อมาเปิดตัว Grand Stade ในปี 2012 ทุกๆอย่างดำเนินการไปอย่างมั่นคงและมีการเปลี่ยนกุนซือใหม่เข้ามาอีกครั้งโดยการแต่งตั้งให้ รูดี้ การ์เซีย เข้ามารับช่วงต่อของ ปูแอล และก็ไม่ทำให้แฟนบอลต้องผิดหวังเขายังคงพา ลีลล์ เกาะเป็นทีมหัวตารางมาได้ตลอดและพาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้ในปี 2011 ลบล้างสถิติที่พวกเขาไร้แชมป์มา 56 ปีลงได้อย่างสวยหรู ในปี 2012 ผลงานของ ลีลล์ ก็พุ่งขึ้นกระฉูดสามารถผ่านเข้าไปเล่นถึงรอบลึกๆของบอลถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อยู่หลายสมัยจนซีซั่นสุดท้ายของการทำงานของนายใหญ่อย่าง รูดี้ การ์เซีย ที่พวกเขาจบอันดับในลีกได้ในจุดที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่จนทำให้เจ้าตัวตัดสินใจอำลาออกจากสโมสรและไปรับงานต่อกับสโมสรในอิตาลีอย่าง เอเอส โรม่า ต่อมาสโมสรก็ได้มีการแต่งตั้งให้ทาง Montpellier René Girard เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมต่อแต่หลังงจากที่กุนซือรายใหม่ทำงานได้ไม่นานเพียงระยะเวลาแค่เพียง 2 ปีก็ตัดสินใจลาออกไปอีกรายโดยให้ผู้ช่วยของเขาเข้าอย่าง Gerard Bernadet และ Nicolas Girard ขึ้นรับตำแหน่งเป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวไปก่อนจนกระทั่งในปี 2015
การเข้ามาของกุนซือเลือดไอวอรี่โคสต์อย่าง Herve Renard ในวันที่ 11 พฤสจิกายน แต่เส้นทางของเขาก็ไม่ได้ยืนยาวกับสโมสรเพียงแค่ปีเดียวหลังจากที่เข้ามาก็ถูกปล็ดออกจากตำแหน่งในปีต่อมาและได้ให้ เฟร็ดเดอริค อันโตเน็ตติ เข้ามารับช่วงต่อในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2016 แต่ถึงแม้ว่า เฟร็ดเดอริค จะช่วยให้ทีมจบอยู่ในอันดับ 2 ของตารางไว้ได้แต่ทางบอร์ดบริหารก็ยังไม่พอใจกับผลงานที่เขาทำให้กับทีมด้วยการแข่งขันที่เข้มข้นเรื่อยๆสโมสรจำเป็นต้องมีทุกอย่างเพอร์เฟครวมไปถึงผู้จัดการทีมภายในปีต่อมา เฟร็ดเดอริค ถูกปล็ดออกจากตำแหน่งและถูกแทนที่ด้วย มาร์เชโล่ บิเอลซ่า เข้ามาทำหน้าที่แทนแต่ดูเหมือนว่ากุนซือที่เข้ามาแต่ละคนตั้งแต่ยุคหลังๆจะไม่ค่อยอยู่กับทีมได้นานสักเท่าไหร่ บิเอลซ่า ถูกไล่ออกจากการทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมในปี 2017 โดยผลงานคือการพา ลีลล์ เป็นรองแชมป์ลีกเอิงแต่ก็ยังถูกปล็ดอีกโดยสโมสรไม่เห็นด้วยกับการที่เขาแอบเดินทางไปประเทศชิลีโดยไม่บอกไม่กล่าว จนแล้วจนรอดสโมสรตัดสินใจแต่งตั้งให้ Christophe Galtier อดีตกุนซือของสโมสรร่วมลีกอย่าง แซงต์ เอเตียน เข้ามาทำหน้าที่ต่อแต่ผลงานกับย่ำแย่ในปี 2017-2018 พวกเขาเกือบจะเอาตัวไม่รอดเกือบจอดอยู่ในโซนอันตรายของตารางแต่สุดท้ายก็ยังสามารถพลิกหล็อกกลับมาได้ในช่วงสุดท้ายของปลายฤดูกาล แม้ว่าช่วงหลังมานี้ผลงานของ ลีลล์ จะดูดีแต่การที่พวกเขาปล่อยนักเตะตัวสำคัญๆออกจากทีมไปหลายแข้งก็ทำให้สภาพทีมไม่ค่อยจะดูดีจนกระทั่งปัจจุบันนี้(2019-2020) เกมลีกที่ดำเนินมาแล้ว 28 นัด ลีลล์ อยู่ในอันดับที่ 4 ทีแต้มอยู่ 49 แต้มตามหลังทีมวางอันดับ 1 อย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง อยู่ถึง 17 คะแนนและนำห่างจากทีมอันดับ 5 ที่ไล่มาอยู่ 5 แต้ม อย่างที่เห็นได้ชัดเจนว่า เปแอชเช มีคะแนนที่นำห่างไปไกลเส้นทางในการขึ้นไปแย่งบัลลังค์แชมป์ของ ลีลล์ ในปีนี้คงไม่มีความเป็นไปได้อย่างแน่นอน แต่พวกเขาต้องประครองฟอร์มการเล่นที่ดีเอาไว้ให้ได้เพื่อเกาะอันดับ 4 ของตารางเอาไว้เดพื่อโควต้าผ่านเข้ารอบไปเล่นบอลถ้วยใหญ่ในรายการ ยุโรป และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งตำนานของวงการลูกหนังฝรั่งเศส ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ทีมที่ประสบความสำเร็จมากมายแต่ความยืนหยัดเป็นทีมในลีกสูงสุดมาได้อย่างยาวนานถือว่าแค่นี้ก็ได้สร้างตำนานชื่อเสียงให้กับแฟนบอลในท้องถิ่นได้แล้ว การที่เป็นจุดศูนย์รวมจิตใจของเหล่าแฟนบอลมาได้จนถึงขนาดนี้พวกเขาต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆมากมาย ทั้งล้มลุกคลุกคลานการอยู่ในวงการฟุตบอลมานานได้ขนาดนี้ถือว่าน่าชื่นชมแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขายืนหยัดมาได้ก็คือกำลังใจจากแฟนบอลดังนั้น ขอแฟนบอลสโมสรนี้หรือสโมสรอื่นๆที่กำลังเห็นทีมของตัวเองกำลังแย่ อย่าพึ่งถอดใจกันไป อดทนให้กำลังใจทีมรักของท่านไปเรื่อยๆเดี๋ยวความสำเร็จพร้อมเมื่อไหร่มันก็จะมาเอง และท่านก็จะได้ส่งเสียงเฮดังๆให้กับทีมรักของท่านอย่างสุดแรง ฝากไว้ให้คิด นักฟุตบอลไม่ได้สร้างความยิ่งใหญ่ให้กับสโมสรแต่เป็นความสามาคัคคีของแฟนบอลมากกว่าที่ยังรักและศรัทธาในทีมของพวกเขาและผลักดันให้นักกีฬาสู้จนสุดความสามารถที่พวกเขามี ( Updated : 15-4-2020 )