เอฟเวอร์ตัน
( Everton )
website : http://www.evertonfc.com/home/
No. | Name | Type | Join | Out |
---|---|---|---|---|
31 | แอนดี โลเนอร์แกน | ผู้เล่น | 2021-08-20 | - |
15 | อัสเมียร์ เบโกวิช | ผู้เล่น | 2021-07-20 | - |
23 | เชมัส โคลแมน | ผู้เล่น | 2009-01-01 | - |
14 | แอนดรอส ทาวน์เซนด์ | ผู้เล่น | 2021-07-20 | - |
27 | อิดริสซ่า เกย์ | ผู้เล่น | 2022-09-01 | - |
2 | เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ | ผู้เล่น | 2022-07-02 | - |
30 | คอเนอร์ คัวดี้ | ผู้เล่น | 2022-08-08 | 2023-06-30 |
5 | ไมเคิ่ล คีน | ผู้เล่น | 2017-07-03 | - |
1 | จอร์แดน พิคฟอร์ด | ผู้เล่น | 2017-07-01 | - |
- | ชอน ไดช์ | โค้ช | 2023-01-30 | - |
16 | อับดูลาย ดูกูเร่ | ผู้เล่น | 2020-09-08 | - |
8639 | อันเดร โกเมส | ผู้เล่น | 2019-07-01 | - |
10188 | เดเล่ อัลลี่ | ผู้เล่น | 2022-01-31 | - |
20 | นีล โมเปย์ | ผู้เล่น | 2022-08-26 | - |
9752 | ฌอง ฟิลลิปส์ ฌีบาแม็ง | ผู้เล่น | 2019-08-02 | - |
11 | เดมาไร เกรย์ | ผู้เล่น | 2021-07-22 | - |
13 | เยอร์รี่ มิน่า | ผู้เล่น | 2018-08-09 | - |
4 | เมสัน โฮลเกต | ผู้เล่น | 2015-08-13 | - |
17 | อเล็กซ์ อิโวบี้ | ผู้เล่น | 2019-08-08 | - |
9 | โดมินิค คาลเวิร์ต-เลวิน | ผู้เล่น | 2016-08-31 | - |
22 | เบน ก๊อดฟรี่ย์ | ผู้เล่น | 2020-10-04 | - |
26 | ทอม เดวี่ส์ | ผู้เล่น | 2017-01-01 | - |
9885 | มอยเซ่ คีน | ผู้เล่น | 2019-08-04 | - |
29 | รูเบน วินาเกร | ผู้เล่น | 2022-07-27 | 2023-06-30 |
19 | Vitalii Mykolenko | ผู้เล่น | 2022-01-01 | - |
7 | ดไวท์ แม็คนีล | ผู้เล่น | 2022-07-28 | - |
37 | เจมส์ การ์เนอร์ | ผู้เล่น | 2022-09-01 | - |
7788 | Joao Virginia | ผู้เล่น | 2018-08-03 | - |
50 | Ellis Simms | ผู้เล่น | 2023-01-01 | - |
8640 | Jarrad Branthwaite | ผู้เล่น | 2020-01-13 | - |
- | Niels Nkounkou | ผู้เล่น | 2020-07-02 | - |
3 | นาธาน แพตเทอร์สัน | ผู้เล่น | 2022-01-04 | - |
45723 | Lewis Warrington | ผู้เล่น | - | - |
8 | Amadou Onana | ผู้เล่น | 2022-08-09 | - |
Tournament | Join | Out |
---|---|---|
Premier League | 2022-08-05 | 2023-05-28 |
EFL Cup | 2022-08-01 | 2023-02-26 |
FA Cup | 2022-11-03 | 2023-06-03 |
ประวัติ : เอฟเวอร์ตัน
เอฟเวอร์ตัน (Everton) ชื่อเต็ม (Everton Football Club) ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1878 และได้ใช้ชื่อสโมสรว่า “เซนต์โดมิงโก” ตามชื่อโบสถ์แห่งหนึ่งในเมืองลิเวอร์พูล ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นชื่อ “เอฟเวอร์ตัน” ในปี ค.ศ. 1884 ยุคต้นของ เอฟเวอร์ตัน ได้ใช้สนามแอนฟิลด์โรด เป็นสนามเหย้าร่วมกับลิเวอร์พูล โดยมี จอห์น โฮลดิ้ง เป็นประธาน ในปี ค.ศ. 1890-1891 เอฟเวอร์ตัน คว้าแชมป์แรกได้ ตอนนั้น เอฟเวอร์ตัน ใช้ชุดสีเสื้อชมพูอ่อน กางเกงสีฟ้า ถุงเท้าสีฟ้า เป็นชุดประจำสโมสร ต่อมาถูกกลุ่มแฟนคลับเรียกร้องให้สโมสรเปลี่ยนแปลงสีชุด โดยใช้สีน้ำเงินเป็นเสื้อ แล้วสีขาวเป็นกางเกงกับถุงเท้า นั่นเลยที่มาของฉายาว่า “ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน” วันที่ 15 มีนาคม ค.ศ. 1892 ผู้บริหารสูงสุดของสโมสรได้ปลด จอห์น โฮลดิ้ง ออกจากตำแหน่งประธานสนาม และทำได้การย้าย เอฟเวอร์ตัน มาอยู่ฝั่งตะวันตกของสแตนลี่ย์พาร์ค หรือที่รู้จักกันในสมัยนั้นว่า กรีน เมอร์ ต่อมาสนามแห่งนี้ถูกเรียกชื่อตามถนนว่า “กูดิสัน ปาร์ก” (Goodison Park) ในปี ค.ศ. 1927-1928 หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 หนึ่งในนักเตะเอฟเวอร์ตันอย่าง ดิ๊กซี่ ดีน (Dixie Dean) ได้สร้างสถิติใหม่ที่ไม่มีใครลบล้างได้ ด้วยจำนวน 60 ประตู ในหนึ่งฤดูกาล นับว่าเป็นการทำประตูที่มากที่สุดในหนึ่งฤดูกาลของลีกในประเทศอังกฤษ ช่วงปี ค.ศ. 1961 เอฟเวอร์ตัน ได้เริ่มต้นยุคใหม่อีกครั้ง หลังจากจบสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมี จอห์น มัวส์ มหาเศรษฐีชาวเมืองลิเวอร์พูล เข้ามาเป็นประธานสโมสร และมี แฮร์รี่ แคทเทอร์ริค (Harry Catterick) เป็นผู้จัดการทีม
ในคริสต์ศักราชนั้นมี โฮเวิร์ด เคนดัลล์, อลัน บอลล์ และ โคลิน ฮาร์วี่ย์ เป็นกำลังสำคัญ พากันคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศมาครองในปี ค.ศ. 1962-1963 ก่อนที่ผู้จัดการทีมคนเก่งอย่าง แฮร์รี่ แคทเทอร์ริค ขอลาออกจากตำแหน่ง จากปัญหาทางด้านสุขภาพ หลังจากนั้นไม่นาน บิลลี่ บิ่งแฮม ก็เข้ามาทำหน้าที่แทน แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จอะไรเลยตลอดระยะเวลา 3 ปี ไร้ถ้วยแชมป์ทุกรายการ จนในที่สุดบอร์ดบริหารได้ทำการปลดออก และแต่งตั้ง กอร์ดอน ลี มาคุมต่อ แต่ภาพรวมของ เอฟเวอร์ตัน ก็ไม่ดีขึ้น และในช่วงปี ค.ศ. 1980-1990 เป็นการกลับมาที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง หลังจาก ฟิลิป คาร์เตอร์ (Philip Carter) เข้ามาเป็นประธานสโมสรแทนที่ จอห์น มัวส์ และได้ดึงอดีตยอดนักเตะอย่าง โฮเวิร์ด เคนดัลล์ (Howard Kendall) เข้ามาเป็นผู้จัดการทีม แล้วก็ได้นำความสำเร็จกลับมาสู่เอฟเวอร์ตัน ด้วยการคว้าแชมป์เอฟเอคัพ ในปี ค.ศ. 1984 และเอาชนะคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง ลิเวอร์พูล ในรายการ แชริตี้ ชิลด์ ได้ด้วย แล้วปี ค.ศ. 1984-1985 ก็คว้าแชมป์ลีกมาครอง จากการทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง ลิเวอร์พูล ไป 13 คะแนน ยิ่งไปกว่านั้นคือคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนส์คัพวินเนอร์คัพมาครองอีก ถัดมาปี ค.ศ. 1986-1987 เอฟเวอร์ตัน ก็เถลิงบังลังค์แชมป์ลีกดิวิชั่น 1 ได้อีกครั้ง ช่วงทศวรรษ 90 เอฟเวอร์ตัน ได้เปลี่ยนแปลงประธานสโมสรใหม่ จากการเข้ามาบริหารของ ปีเตอร์ จอห์นสัน ได้แต่งตั้งอดีตนักเตะอย่าง โจ รอยส์ (Joe Royle) เข้ามาเป็นผู้จัดการทีม แต่แล้วผลงานก็ไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมาย
มีเพียงปีเดียวเท่านั้นที่คว้าแชมป์เอฟเอคัพได้ คือ ปี ค.ศ. 1995 หลังจากนั้นอีก 4 ปี บิลล์ เคนไรท์ บิลล์ เคนไรท์ (Bill Kenwright) ก็เข้ามาเป็นประธานสโมสร และได้ทำการแต่งตั้ง วอลเตอร์ สมิธ (Walter Smith) เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมจนถึงปี ค.ศ. 2002 แล้วก็ได้ดึง เดวิด มอยส์ (Walter Smith) เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมต่อ ในปีแรก เดวิด มอยส์ พาเอฟเวอร์ตันหนีตกชั้นได้สำเร็จหลังจบในอันดับที่ 15 ในปีต่อมาก็สร้างผลงานอันยอดเยี่ยมให้กับสโมสรด้วยการพาเอฟเวอร์ตันจบอันดับที่ 7 แต่ปีถัดมานักเตะลงเล่นแบบไร้ศักยภาพ ทำให้ เอฟเวอร์ตัน เกือบจะร่วงหล่นไปเล่นแชมเปี้ยนชิพ หลังจากมีคะแนนห่างจากโซนตกชั้นเพียง 3 คะแนน และในปี ค.ศ. 2003-2004 ก็ต้องมาเสียดาวยิงตัวความหวังของสโมสรอย่าง เวน รูนี่ย์ (Wayne Rooney) ไปให้กับแมนยู แต่ทางด้าน เดวิด มอยส์ ก็กลับทำเซอร์ไพรส์ด้วยการพาเอฟเวอร์ตันจบอันดับที่ 4 และคว้าตั๋วใบสุดท้ายไปเล่นรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบคัดเลือกด้วย พอมาถึงช่วงต้นปี ค.ศ. 2004-2005 เอฟเวอร์ตัน กลับทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง และมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กับการทำงานของ เดวิด มอยส์ และถูกเรียกร้องจากแฟนคลับให้ปลดออก แต่ทางบอร์ดบริหารก็ยังเชื่อมั่นในศักยภาพ เดวิด มอยส์ อยู่ เลยได้เป็นผู้จัดการทีมต่อ แล้วก็พิสูจน์ได้สำเร็จด้วยการพาเอฟเวอร์ตันจบอันดับที่ 11 ภายใต้การคุมทีมของ เดวิด มอยส์ ทำให้ผลงานของ เอฟเวอร์ตัน ดีวันดีคืนขึ้นต่อเนื่องจนทำให้ ปี ค.ศ. 2006-2007 เอฟเวอร์ตันจบอันดับที่ 6 และได้โควต้าไปเล่น ยูฟ่า ยูโรป้าลีก และผ่านเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มได้สำเร็จหลังจากเก็บไป 12 คะแนนเต็ม ช่วงนั้นถือว่าเป็นพัฒนสโมสรที่ยอดเยี่ยม
ด้วยการคัดเลือกนักเตะดาวรุ่งฝีเท้าดีเข้ามาเติมเต็มในถิ่น กูดิสัน ปาร์ก ภายใต้วิสัยทัศน์และสติปัญญาของ เดวิด มอยส์ ที่เน้นคุณภาพนักเตะในเรทราคาประหยัด จนทำให้ เอฟเวอร์ตัน มีอนาคตที่สดใสขึ้น ในปี ค.ศ. 2008-2009 เอฟเวอร์ตัน ผ่านเข้ารอบชิงแชมป์เอฟเอคัพ แต่แล้วก็พลาดท่าแพ้ต่อ เชลซี แต่ผลงานในลีกยังดีอยู่ หลังจบอันดับ 5 เลยได้ไปเล่น ยูฟ่า ยูโรป้าลีก ต่ออีกครั้ง หลังผลงานของขึ้นๆ ลงๆ พอมาถึงวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2013 เดวิด มอยส์ หมดสัญญากับเอฟเวอร์ตัน และได้ย้ายไปแทนที่ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่แมนยู ทางเอฟเวอร์ตันก็เลยแต่งตั้ง โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ (Roberto Martínez) เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมแทนในวันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ. 2013 ด้วยสัญญา 4 ปี และมีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมเรื่อยมาทั้ง โรนัลด์ กุมัน (Ronald Koeman), เดวิด อันส์เวิร์ธ (David Unsworth) และ แซม อัลลาร์ไดซ์ (Sam Allardyce) ต่อมาในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 เอฟเวอร์ตัน ได้แถลงอย่างเป็นทางการว่า ฟาฮัด โมชีรี นักธุรกิจชาวอังกฤษเชื้อสายอิหร่านได้เข้าซื้อกิจการสโมสรและถือหุ้นจำนวน 49.9 % ปัจจุบัน เอฟเวอร์ตัน อยู่ภายใต้การคุมทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ (Carlo Ancelotti)
เอฟเวอร์ตัน คือ สโมสรเบอร์ต้นๆ ของเทศอังกฤษที่คว้าแชมป์มากมาย โดยเกียรติประวัติแชมป์ทั้งหมดของ เอฟเวอร์ตัน หรือ “ท็อฟฟี่สำน้ำเงิน” : ระดับทวีปยุโรป แชมป์ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ (1 สมัย) : ระดับประเทศ แชมป์ดิวิชั่น 1 หรือ แชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ (9 สมัย), แชมป์ดิวิชั่น 2 หรือ แชมป์แชมเปี้ยนชิพ (1 สมัย), แชมป์เอฟเอฟคัพ (5 สมัย), แชมป์แชริตี้ชิลด์ หรือ แชมป์เอฟเอคอมมิวนิตี้ชิลด์ (9 สมัย), แชมป์เอฟเอยอร์ทคัพ (3 สมัย), แชมป์เซนทรัลลีก (4 สมัย), ลานแคชเชียร์ ซีเนียร์ คัพ (6 สมัย), แชมป์ลิเวอร์พูล ซีเนียร์ คัพ (45 สมัย) ( Updated :11-4-2020 )