ซามพ์โดเรีย
( Sampdoria )
website : http://www.sampdoria.it/
No. | Name | Type | Join | Out |
---|---|---|---|---|
8636 | อันโตนิโอ คันเดรว่า | ผู้เล่น | 2020-09-25 | 2021-06-30 |
27 | ฟาบิโอ กวายาเรลล่า | ผู้เล่น | 2016-07-01 | - |
5 | อาเดรียน ซิลวา | ผู้เล่น | 2020-10-03 | - |
30 | นิโคล่า ราวาเกลีย | ผู้เล่น | 2020-09-01 | - |
6 | อัลบิน เอ็คดัล | ผู้เล่น | 2018-08-14 | - |
22 | มายะ โยชิดะ | ผู้เล่น | 2020-07-01 | - |
- | เคลาดิโอ รานิเอรี่ | โค้ช | 2019-10-12 | - |
19 | วาสโก เรจินี่ | ผู้เล่น | 2009-01-01 | - |
23 | มาโนโล่ กับเบียดินี่ | ผู้เล่น | 2019-01-11 | - |
11 | กัสตอน รามิเรซ | ผู้เล่น | 2017-08-04 | - |
24 | บาร์ตอสซ์ เบเรสซีนสกี้ | ผู้เล่น | 2017-01-04 | - |
21 | ลอเรนโซ่ โตเนลลี่ | ผู้เล่น | 2020-09-01 | - |
9858 | เออร์เนสโต้ ตอร์เรกรอสซ่า | ผู้เล่น | 2021-01-11 | 2021-06-30 |
- | จานลูก้า คาปรารี่ | ผู้เล่น | 2017-07-01 | - |
29 | นิโกล่า มูร์รู | ผู้เล่น | 2017-07-01 | - |
8 | วาเลริโอ แวร์เร | ผู้เล่น | 2017-01-31 | - |
- | เฮย์ซอน มูรีโย่ | ผู้เล่น | 2020-01-01 | - |
30 | วลาดิมิโร่ ฟัลโคเน่ | ผู้เล่น | 2014-01-24 | - |
18 | มอร์เท่น ธอร์สบี้ | ผู้เล่น | 2019-07-01 | - |
15 | โอมาร์ คอลลี่ย์ | ผู้เล่น | 2018-07-01 | - |
25 | อเล็กซ์ เฟอร์รารี่ | ผู้เล่น | 2019-07-01 | - |
9829 | เกอิต้า บัลเด้ | ผู้เล่น | 2020-09-29 | 2021-06-30 |
8342 | คาร์โล เลติก้า | ผู้เล่น | 2020-10-05 | 2021-06-30 |
- | เฟเดริโก้ โบนาซโซลี่ | ผู้เล่น | 2015-02-01 | - |
- | Antonio Palumbo | ผู้เล่น | 2019-07-01 | - |
14 | ยาคุบ ยังค์โต้ | ผู้เล่น | 2019-07-01 | - |
1 | เอมิล เอาเดโร่ | ผู้เล่น | 2018-07-17 | - |
8534 | อันโตนิโน่ ลา กูมิน่า | ผู้เล่น | 2020-01-31 | 2021-06-30 |
3 | ตอมมาโซ่ เอาเจลโล่ | ผู้เล่น | 2020-09-01 | - |
- | ฟาบิโอ เดเปาลี | ผู้เล่น | 2019-07-01 | - |
- | โรนัลโด้ วิเอยร่า | ผู้เล่น | 2018-08-01 | - |
- | อ็อกเยน สติเยโปวิช | ผู้เล่น | 2018-01-03 | - |
- | Andrea Tessiore | ผู้เล่น | 2019-07-01 | - |
26 | เมห์ดี้ เลริส | ผู้เล่น | 2019-08-13 | - |
- | จูเลียน ชาบ็อต | ผู้เล่น | 2019-07-01 | - |
- | ลิโอนาร์โด เบเนเดตตี | ผู้เล่น | 2019-07-18 | - |
13 | Tommaso Farabegoli | ผู้เล่น | 2019-07-01 | - |
38 | Mikkel Damsgaard | ผู้เล่น | 2020-08-01 | - |
- | Erik Gerbi | ผู้เล่น | 2020-09-01 | - |
31 | Jamie Mpie | ผู้เล่น | 2019-07-01 | - |
- | เฟลีเช ดะมีโก | ผู้เล่น | 2020-09-01 | - |
16 | Kristoffer Askildsen | ผู้เล่น | 2020-09-01 | - |
484060 | โลเรนโซ อาโวกาโดร | ผู้เล่น | 2019-07-15 | 2021-06-30 |
2 | Kaique Rocha | ผู้เล่น | 2019-09-02 | - |
- | Simone Trimboli | ผู้เล่น | 2019-07-01 | - |
- | โมฮาเหม็ด บาฮูลลี่ | ผู้เล่น | 2019-07-01 | - |
- | Filippo Oliana | ผู้เล่น | 2019-07-01 | - |
28 | Matteo Raspa | ผู้เล่น | 2019-07-01 | - |
99 | Nik Prelec | ผู้เล่น | 2020-09-01 | - |
Tournament | Join | Out |
---|---|---|
Serie A | 2020-09-19 | 2021-05-23 |
Coppa Italia | 2020-09-21 | 2021-05-19 |
ประวัติ : ซามพ์โดเรีย
ถ้าจะถามหาความาสำเร็จของสโมสรสำหรับ ซามพ์โดเรีย นับได้ก็ไม่มากไม่มายเท่าไหร่เพียงแต่ว่าสโมสรแห่งนี้มีที่มาค่อนข้างน่าสนใจ ทั้งๆที่ไม่ใช่สโมสรฟุตบอลขนาดใหญ่แต่ก็สามารถคว้าแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา มาครองได้หนึ่งสมัยถือว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะมหัศจรรย์ ด้วยการแข่งขันที่เข้มข้นของครึ่งตารางบนในเวทีลูกหนังอิตาลีที่มีการแย่งชิงกันอย่างหนักหน่วง พื่นเพความเป็นมาของสโมสร ลาซาพ์ นั้นมีเรื่องราวที่ย้อนกลับไปนานถึงช่วงยุคปี 1890 ก่อนที่จะมาเป็นสโมสรฟุตบอลแห่งนี้เดิมทีมาจากการร่วมคลับ 2 คลับเข้าด้วยกันโดยมีทั้งกีฬาฟุตบอลและคริกเก็ต ภายใต้ชื่อเดิมว่า Sampierdarenese and Andrea Doria เป็นการผสมผสานของสองชื่อทีมเข้าด้วยกันรวมไปถึงตราสโมสรที่ใช้สีขาว นำเงิน แดง ดำ อยู่รวมกันในตราสโมสร จนกลายมาเป็นฉายาประจำทีมว่า “blucerchiati” หรือที่แปลว่า “วงกลมสีน้ำเงิน” มีสนามเหย้าที่ใช้อยู่ในปัจจุบันคือสนาม สตาดิโอลุยจิเฟอร์ราริส ที่มีความจุได้อยู่ 36,536 ที่นั่งเป็นสนามที่แบ่งกันใช้กับสโมรร่วมเมืองอย่าง เจนัว และแน่นอนว่าทั้งสองทีมเป็นสโมสรที่แย่งความสำเร็จกันในฐานะทีมฟุตบอลที่เล่นอยู่ในลีกสูงสุดของ อิตาลี ในปี 1991 ซามพ์โดเรีย ประกาศศักด์ดาด้วยการคว้าแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา มาครองได้สำเร็จต่อยอดไปถึงเกมการแข่งขันระดับทวีปที่พวกเขาผ่านเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศกับรายการ คัพ วินเนอร์ส คัพ แต่สุดท้ายก็เป็นได้เพียงแค่รองแชมป์โดยพวกเขาต้องพ่ายแพ้ให้กับสุดยอดสโมสรใน ลาลีก้า สเปน อย่าง เอฟซี บาร์เซโลน่า
นับตั้งแต่ยุคนั้นผู้คนต่างพากันถามหาประวัติของ ซามพ์โดเรีย ว่าพี่แกทำไมถึงมาได้ไกลขนาดนี้แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆกับฟอร์มที่ฮ็อตสุดๆก็สามารถทำให้ผู้คนหันมารู้จักกับสโมสรแห่งนี้ ยอนกลับไปในปี 1946 วันที่ 1 สิงหาคม คือวันที่ได้กำเนิดสโมสรฟุตบอล ซามพ์โดเรีย การรวม 2 สโมสรเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์มาตั้งแต่ปี 1890 การกลับมาในครั้งนี้พวกเขาก็ได้ใช้ชื่อสโมสรใหม่ว่า ซามพ์โดเรีย หรือภาษาทางการก็คือ Unione Calcio Sampdoria พวกเขาเป็นสโมสรขนาดกลางที่มีแฟนคลับทั่วโลกไม่ได้มากมายเหมือนกับทีมอื่นๆ เป้าหมายของพวกเขาคือการได้เข้าร่วมในการแข่งขันฟุตบอลระดับทวีปยุโรป หรือพูดง่ายๆก็คือการเกาะกลุ่มอยู่หัวตาราง 1-6 นอกจากนั้นสโมสรแห่งนี้ยังได้สร้างนักเตะระดับตำนานขึ้นมาหลายต่อหลายคนอาทิเช่น โรแบร์โต้ มันชินี่ แข้งทองของทีมชาติอิตาลีที่ตอนนี้ก็ผันตัวทำหน้าที่เป็นหัวเรือให้กับสโมสรชื่อดังในยุโรปมากมายรวมไปถึงแข้งดังอย่าง วิอัลลี่ จานลูก้า,จานลูก้า ปายูงก้า และ อัตติลิโอ ลอมบาร์โด้ เป็นต้น เกรียติประวัติครั้งหญิงใหญ่คือการได้เข้าไปชิงชนะเลิศในฟุตบอลถ้วยบิ๊กเอียร์ปี 1990 แม้จะได้แค่เพียงรองแชมป์ก็ถือว่าเพียงพอต่อความสำเร็จของพวกเขาและความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นในวันนั้นก็แทบจะไม่อยากเชื่อเมื่อพวกเขามาโดนลูกฟรีคริกส์บันลือโลกของ โรนัลด์ กุมัน ปราการหลังคนสำคัญของทีมชาติฮอนแลนด์และสโมสร บาร์เซโลน่า ในช่วงต่อเวลพิเศษก่อนที่จะได้ดวลลูกโทษกันทำให้ ลาซามพ์ ต้องพลาดโอกาสในการเป็น เจ้ายุโรป ไปในปีนั้น
แต่พวกเขาก็ยังหารางวัลปลอบใจมาให้แฟนบอลได้สัมผัสกันบ้างนั่นก็คือในรายการ โคปปา อิตาเลีย ที่พวกเขาสามารถกวาดถ้วยแชมป์มาได้ถึง 4 ครั้งด้วยกันโดยเกิดขึ้นในปี 1984-85,1987-88, 1988-89 และ 1993-94 หลังจากนั้นพวกเขาต้องใช้เวลาอันยาวนานถึง 14 ปีที่จะได้เข้าชิงในรายการนี้อีกครั้งเมื่อปี 2008-09 แต่แล้วก็ต้องเศร้าใจเมื่อพวกเขาต้องแพ้พ่ายให้กับ ลาซิโอ ไปในการดวลจุดโทษ ความน่าประทับใจของ ซามพ์โดเรีย หลังยุค 2000 ในช่วงฤดูกาล 2009/2010 ในระดับเกมลีกพวกเขาสามารถคว้าอันดับ 4 มาครองได้และได้ตั๋วผ่านเข้าไปลุยในศึกฟุตบอลยุโรปในปีต่อมาแต่พวกเขาผ่านเข้ารอบไปได้แค่เพียงการลงแข่งขันเพลย์ออฟเท่านั้นยังไม่สามารถสัมผัสไปถึงรอบแบ่งกลุ่มได้ ในปีต่อมาการเข้ามารับช่วงต่อของ โดมินิโก้ ดิคาร์โล กุนซือคนใหม่ที่เข้ามาแทนที่ ลุยจิ เดลเนลี่ ที่พาทีมจบอันดับ 4 ของปีที่ผ่านมาได้ แต่การเข้ามาจอง ดิคาร์โล เหมือนจะเป็นฝันร้ายของแฟนบอล “วงกลมสีน้ำเงิน” เมื่อพวกเขาต้องล่วงตกชั้นลงสู่ดิวิชั่น 2 ของอิตาลีก หรือ เซเรีย บี ที่เราๆเคยได้ยินกัน หนึ่งเหตุผลที่ทำให้ผลงานของพวกเขาต้องต่ำมาจากการมีปัญหากันในทีมระหว่างกองหน้าคนสำคัญอย่าง อันโตนิโอ คาสโซโน่ ที่ดันไปมีปากเสียงอย่างรุนแรงกับประธานสโมสรและด้วยความที่ ริคาร์โด้ กาโรเน่ ที่เป็นประธานสายไม่ยอมใครอยู่แล้วก็ได้สั่งแบบ คาสโซโน่ ไม่ให้ลงเล่น
จนผลสุดท้ายส่งตัวกองหน้าเจ้าปัญหารายนี้ขายให้กับ เอซี มิลาน และตามด้วยการขาย จิอันเปาโล ปาซซินี่ กองหน้าจอมโขกอีกรายไปให้กับสโมสร อินเตอร์ มิลาน การสูญเสียกองหน้าคนสำคัญของทีมไปถึงสองคนในเวลาไล่เลี่ยกันย่อมส่งผลกระทบต่อผลงานของทีมอย่างแน่นอน ทำให้แฟนบอลบางกลุ่มรู้สึกไม่พอใจต่อการกระทำของ ริคาร์โด้ กาโรเน่ จนถูกมองว่าเป็นประธานที่เป็นเผด็จการเกินไป ไม่ยอมรับแม้กระทั้งการขอโทษของ คาสโซโน่ แม้ว่าแข้งรายนี้จะใช้การขอโทษด้วยการยอมลดค่าเหนื่อยของตัวเองลงถึงครึ่งหนึ่งแต่ก็ไม่เป็นผลต่ออาการหัวแข็งของประธานรายนี้สุดท้ายทีมก็ต้องตกชั้นลงไปในที่สุดหลังจากที่ห่างมาจากการตกชั้นครั้งล่าสุดเมื่อปี 1998 หลังจากการตกชั้นลงไปในครั้งนี้ก็ทำให้ ซามพ์โดเรีย และ ประธานหัวแข็งต้องใช้เวลาในการปรับปรุงทีมของตัวเอง 1 ฤดูกาลด้วยกันและทำให้ต้องเสียนักเตะคนสำคัญของทีมไปหลายคน อาทิเช่น ปาร์ลอมโบ กัปตันทีมของทีมที่ถูกทางฝั่งของ อินเตอร์ มิลาน สโมสรร่วมลีกดึงตัวไปร่วมทีมระหว่างกลางฤดูกาลที่เล่นในอยู่ใน เซเรีย บี อิตาลี แต่ถือว่าพวกเขายังโชว์ผลงานได้ดีเกาะรั้งอันดับที่ 6 ของตารางไว้ได้ ทำให้ให้ผ่านเข้าไปเล่นเพลย์ออฟเลื่อนชั้นในปีต่อมาและพวกเขาก็ไม่ทำให้แฟนบอลต้องรอนานหลังจากสามารถผ่านด่านเพลย์ออฟได้สำเร็จโดยการเอาชนะทั้ง ซัซเซาโล่ และ วาร์เรเซ่ และนักเตะที่มีส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมสามารถเลื่อนชั้นกลับมาได้ก็มี นิโคล่า ปอซซี่, เอเดอร์,ดานิเอเล่ กัซตัลเดลโล่ ,เปลเล่ โอเบียงจ์ ( Updated : 27-4-2020 )