เซลต้า บีโก้ (Celta Vigo) ชื่อเต็ม (Real Club Celta de Vigo) อยู่เมืองบีโก้ แคว้นกาลิเซีย ก่อตั้งขึ้นในวันที่ 23 สิงหาคม ค.ศ. 1923 จากการความตัวตัวกันของ เรอัล บีโก้ สปอร์ตติ้ง (Real Vigo Sporting) กับ เรอัล ฟอร์ทูน่า ฟุตบอลคลับ (Real Fortuna Football Club) และมีการประชุมกันในการจัดตั้งชื่อสโมสรโดยสมาชิกทั้งสองสโมสรก็ได้ตัดสินใจเรียกชื่อสโมสรมา ต่างๆ นาน ทั้ง เรอัล ยูเนี่ยน เด บีโก้ (Real Union de Vigo), คลับ กาลิเซีย (Club Galicia), เรอัล แอตแลนติก (Real Atlantic), เบรโอกัน (Breogan), เรอัล คลับ โอลิมปีโก (Real Club Olimpico) จนในที่สุดทั้งสองสโมสรก็ได้ตกลงใช้ชื่อ “เรอัล คลับ เซลต้า” (Real Club Celta) เนื่องจากสอดคล้องกับชื่อเมืองที่อยู่แคว้นกาลิเซีย ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงมาเป็น เซลต้า บีโก้ (Celta Vigo) โดยมีประธานสโมสรคนแรกอย่าง มานูเอล บาร์เซน่าเด อันเดรส (Manuel Barcena de Andres) จากการรวมตัวกันของทั้งสองสโมสร ทำให้สโมสรมีนักเตะทั้งหมด 64 คน เลยต้องคัดออกนักเตะบางคน เพื่อให้เหลือแค่จำนวนทีมเดียว โดยมีคู่ปรับตลอดกาลอย่าง เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญ่า ซึ่งการเจอกันในแต่ละครั้งก็จะถูกเรียกว่า “กาซิเลีย ดาร์บี้” เซลต้า บีโก้ เริ่มไต่เต้าจากลีกภูมิภาคที่ไม่มีข้อมูลอย่างแน่ชัดตั้งแต่ปีที่ก่อตั้งจนถึงปี 1927-1928 ก่อนที่จะก้าวขึ้นมาเล่นในดิวิชั่น 2 ของประเทศ แต่ก็ลงแข่งขันได้เพียงปีเดียว ก็ถูกปรับตกชั้นไปดิวิชั่น 3 แต่ เซลต้า บีโก้ ก็ใช้เวลาเพียงปีเดียวเหมือนกันกับการกลับขึ้นสู่ดิวิชั่น 2 ได้อีกครั้งในปี ค.ศ. 1930-1931 ต่อมา เซลต้า บีโก้ ก็โลดแล่นอยู่ดิวิชั่น 2 อีก 3-4 ปี ก่อนที่จะผ่านรอบเพลย์ออฟเลื่อนชั้นขึ้นสู่ดิวิชั่น 1 หรือ ลีกสูงสุดของประเทศในเวลานั้นได้เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์สโมสร แต่แล้วก็อยู่ได้แค่ 5 ปีก็ร่วงมาเล่นดิวิชั่น 2 อีก 1 ปี ก่อนที่จะหวนขึ้นไปในช่วงเวลาเพียงปีเดียว

ช่วงในปี ค.ศ. 1947-1947 เซลต้า บีโก้ สามารถจบในอันดับที่ 4 ถือว่าเป็นอันดับที่ดีที่สุดของสโมสร และก็สามารถผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในรายการโกปาเดลเรย์ได้ด้วย แต้ทายที่สุดก็จบลงด้วยฐานะรองแชมป์ หลังจากแพ้ต่อ เซบีย่า เอฟซี ไป 4 ประตูต่อ 1 แล้วก็ประคับประคองสโมสรอยู่ลีกสูงสุดนานถึง 11 ปี ก่อนที่ปีถัดมาหล่นไปแข่งขันในดิวิชั่น 2 แต่ว่าผลงานของ เซลต้า บีโก้ ก็เสมอต้นเสมอปลายมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นรายกายลีกหรือรายการโกปาเดลเรย์ จนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1968-1969 เซลต้า บีโก้ ก็สามารถเอาชนะคู่แข่งในรอบเพลย์ออฟเลื่อนชั้นได้สำเร็จ แต่ว่าช่วงปลายทศวรรษที่ 70 ก็ขึ้นๆ ลงๆ เหมือนกัน ระหว่างดิวิชั่น 1 กับดิวิชั่น 2 นอกจากนั้นยังตกอับที่ขั้นตกชั้นไปเล่นในดิวิชั่น 3 ตอนปี ค.ศ. 1980-1981 ด้วย แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพและมีมาตรฐานการเล่นที่สูงกว่าสโมสรอื่นเลยเลื่อนชั้นขึ้นมาได้ในปีต่อมาในฐานะแชมป์ หลังจากนั้นก็เข้าวงเวียนเดิมอยู่ระหว่างดิวิชั่น 1 กับดิวิชั่น 2 อีกครั้ง จนท้ายที่สุดในปี ค.ศ. 1991-1992 ก็จบในฐานะแชมป์ดิวิชั่น 2 เลยได้สิทธิเลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น 1 แบบอัตโนมัติ แล้ว เซลต้า บีโก้ ก็โชว์ฝีไม้ลายมืออยู่บนลีกสูงสุด ในช่วงปี ค.ศ. 2002-2003 เซลต้า บีโก้ จบในอันดับที่ 4 เลยได้สิทธิเข้าร่วมแข่งขันรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในรอบ 32 ทีม เซลต้า บีโก้ สามารถเอาชนะ สลาเวีย ปราก ได้ แต่ก็ต้องมาพลาดท่าแพ้ต่อยอดทีมดังจากอังกฤษอย่าง อาร์เซน่อล ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่ในปีนั้นผลงานในลีกค่อนข้างจะย่ำแย่ หลังจากจบในอันดับที่ 19 ของตารางคะแนน เลยตกชั้นตามสภาพอีกเช่นเคย

แต่การเล่นในลีกระดับล่างของ เซลต้า บีโก้ ก็ยังทำได้ดี เพราะทะเยอทะยานจนจบในอันดับที่ 2 เลยได้สิทธิขึ้นมาเล่นลีกสูงสุด หรือ ลาลีก้า สเปน ในปีต่อมา แล้วก็สามารถจบในอันดับที่ 6 ได้ด้วย เลยได้สิทธิเข้าร่วมแข่งขันยูฟ่าคัพ เซลต้า บีโก้ เข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ ก่อนที่จะแพ้ต่อ เวเดอร์ เบรเมน สโมสรจากเยอรมันไปอย่างน่าเสียดาย ส่วนปีถัดมา เซลต้า บีโก้ อยู่ในฟอร์มการเล่นที่กระท่อนแนะแท่นจนในที่สุดก็จบในอันดับที่ 18 ทำให้สโมสรตกไปเล่น ดิวิชั่น 2 หรือ เซกุนด้า ดิวิชั่น อีกครั้ง แล้วช่วงท้ายปี ค.ศ. 2007 ตอนเดือนมิถุนายน เซลต้า บีโก้ ประสบปัญหาทางด้านการเงิน โดยที่ไม่สามารถตกลงกับนายทุนที่ให้ยืมเงินมาทำสโมสร ส่งผลให้สโมสรต้องขายทรัพย์บางอย่างของสโมสรออกไป รวมถึงการเป็นหนี้สินจำนวนมาก ทำให้สโมสรต้องขายนักเตะออกไปอีก และมีการปรับส่วนต่างๆ ของสโมสรที่ไม่จำเป็น ในช่วงปีแรกที่ตกชั้นไปสร้างความหวาดระแวงให้กับแฟนบอลเป็นอย่างมาก กับการลุ้นว่าสโมสรจะตกชั้นไปอีกขั้นไหม แต่ในที่สุดก็รอดมาได้ หลังจากจบในอันดับที่ 16 ต่อมาก็มีการฟื้นฟูและดึงนักเตะกองหน้าอย่าง เดวิด โรดิเกซ (David Rodriguez) และตำแหน่งปีกรุกอย่าง เอนริเก้ เดอ ลูคัส (Enrique de Lucas) พร้อมกับนำผู้จัดการทีมฝีมือดีเข้ามาทำทีมอย่าง ปาโก้ เฮร์เรร่า (Paco Herrera) จนแล้วจนเหล่า เซลต้า บีโก้ ก็พลิกขึ้นสู่ ลาลีก้า สเปน ได้อีกครั้งในปี ค.ศ. 2011-2012 ในฐานะทีมอันดับที่ 2 หรือรองแชมป์ลีก ช่วงปีแรกที่ขึ้นมาก็เกือบจะหนีตายไม่รอดเหมือนกัน หลังจากจบในอันดับที่ 17 แต่ถึงอย่างไรแล้วก็ยังอยู่ ลาลีก้า สเปน ต่อไป ปัจจุบัน เซลต้า บีโก้ อยู่ภายใต้การคุมทีมของ ออสการ์ การ์เซีย (Oscar Garcia)

เกียรติประวัติแชมป์ทั้งหมดของ เซลต้า บีโก้ หรือ “เหล่าชุดฟ้า” : ระดับทวีปยุโรป เคยเข้าร่วมแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก (1 ครั้ง), เคยเข้าร่วมแข่งขัน ยูฟ่า ยูโรป้าลีก (8 ครั้ง) แชมป์ยูฟ่าอินเตอร์โตโต้คัพ (1 สมัย) : ระดับประเทศ แชมป์ เซกุนด้า ดิวิชั่น (3 สมัย), แชมป์ เซกุนด้า ดีบีซีออน (1 สมัย), แชมป์ เตร์เซร่า ดีบีซีออน (1 สมัย), รองแชมป์โกปาเดลเรย์ (3 ครั้ง), แชมป์ระดับภูมิภาค Galician Championship (6 สมัย) / Asturian Galician Championship (1 สมัย) / Galician Cup (2 สมัย) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1923 ถึง ปัจจุบัน เออิบาร์ ลงแข่งขันไปแล้วทั้งหมด 88 ฤดูกาล ได้แก่ ลาลีก้า สเปน 54 ฤดูกาล, เซกุนด้า ดิวิชั่น 32 ฤดูกาล , เซกุนด้า ดีบีซีออน 1 ฤดูกาล , เตร์เซร่า ดีบีซีออน 1 ฤดูกาล

10 นักเตะที่ลงเล่นให้สโมสรมากที่สุด : อันดับที่ 1 คือ Manolo ลงเล่น 484 นัด, อันดับที่ 2 คือ Hugo Mallo ลงเล่น 358 นัด, อันดับที่ 3 คือ Atilano ลงเล่น 347 นัด, อันดับที่ 4 คือ Iago Aspas ลงเล่น 334 นัด, อันดับที่ 5 คือ Juan ลงเล่น 331 นัด, อันดับที่ 6 คือ Mate ลงเล่น 331 นัด, อันดับที่ 7 คือ Vicente Alvarez ลงเล่น 320 นัด, อันดับที่ 8 คือ Castro ลงเล่น 303 นัด, อันดับที่ 9 คือ Gustavo Lopez ลงเล่น 295 นัด และอันดับที่ 10 คือ Alexander Mostovoi ลงเล่น 290 นัด

10 นักเตะที่ประตูให้สโมสรมากที่สุด : อันดับที่ 1 คือ Iago Aspas ทำไป 147 ประตู, อันดับที่ 2 คือ Hermidita ทำไป 113 ประตู, อันดับที่ 3 คือ Vladimir Gudelj ทำไป 105 ประตู, อันดับที่ 4 คือ Abel Fernandez ทำไป 92 ประตู, อันดับที่ 5 คือ Pahino ทำไป 91 ประตู, อันดับที่ 6 คือ Pichi Lucas ทำไป 73 ประตู, อันดับที่ 7 คือ Mauro ทำไป 72 ประตู, อันดับที่ 8 คือ Alexander Mostovoi ทำไป 72 ประตู, อันดับที่ 9 คือ Francisco Roig ทำไป 66 ประตู และอันดับที่ 10 คือ Juan Aretio ทำไป 62 ประตู ( Updated : 24-4-2020 )